วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

แยกมรณะสี่แยกผีสิงแห่งนราธิวาส


แยกมรณะ! สี่แยกผีสิงแห่งนราธิวาส ที่ว่ากันว่ามีพลังลึกลับสิงสถิตอยู่บนถนน จนเกิดอุบัติเหตุคร่าชีวิตชาวบ้านนับร้อยราย
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ในตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาสได้ร่วมกับทำพิธีละหมาดฮายัตเพื่อขอพรจากพระเจ้าให้เกิดความสงบสุขและปัดเป่าเอาสิ่งที่ชั่วร้ายให้ออกจากพื้นที่ในบริเวณสี่แยกปูตะ โดยสาเหตุที่ชาวบ้านต้องทำพิธีดังกล่าวขึ้นเนื่องจากเสียงร่ำลือในเรื่องของ “วิญญาณ” ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นหลายครั้งที่บริเวณสี่แยกแห่งนี้
GOOGLE MAP
เรื่องราวนี้ชาวบ้านได้ร่ำลือกันมานานเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วว่าที่ถนนแห่งนี้จะมีเสียงของผู้หญิงกรีดร้องขึ้นมาในช่วงเวลาระหว่า 18.30-19.00 น. ซึ่งเป็นเวลาโพล้เพล้ฟ้าจะมืดลง เสียงของผู้หญิงที่กรีดร้องจะเป็นในลักษณะของเสียงที่เจ็บปวดดังขึ้นไปทั่วบริเวณจนชาวบ้านต่างไม่กล้าสัญจรบริเวณนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว และหลังจากนั้นไม่เกิน 3 วัน ก็จะมีอุบัติเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิตในบริเวณนี้ทุกครั้ง แรกเริ่มชาวบ้านก็ต่างคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตขึ้นมาก็จะตรงกับคำบอกเล่าของชาวบ้านทีได้ยินเสียงทุกครั้ง

นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านที่สัญจรในช่วงเวลาเช้ามืดเพื่อจะออกไปกรีดยาง หลายๆ คนเล่าตรงกันว่ามักจะเห็นร่างของมนุษย์หลายคนนั่งกอดเข่าก้มหน้าอยู่ แต่เมื่อหันไปมองก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆ และสิ่งที่ทำให้ชาวบ้านกลัวนั่นก็คือ ในผู้ที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุบริเวณนี้ได้เล่าว่าขณะที่กำลังขับรถมาก็รู้สึกเหมือนว่ามี “พลังลึกลับ” มาดึงพวงมาลัย ดึงแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์อย่างแรงทำให้เสียหลักและตกลงไปที่ข้างทาง เคราะห์ดีที่ขับมาไม่เร็ว

ชาวบ้านในละแวกต่างขนานนามสี่แยกแห่งนี้ว่าเป็น “สี่แยกผีสิง” ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุบ่อยๆ จนมีผู้เสียชีวิตร่วมร้อยราย ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่มีชาวบ้านคนใดกล้าที่จะผ่านไปผ่านในตอนกลางคืน ซึ่งชาวบ้านก็หวังว่าหลังจากการทำพิธีละหมาดฮายัตแล้ว เหตุการณ์ร้ายๆ ก็คงจะเบาลง และนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ก็ยังเร่งนำต้นกล้วยมาปลูกไว้บริเวณรอบๆ 

เพื่อลดแรงกระแทกในกรณี
ที่เกิดอุบัติเหตุเป็นการป้องกันไปอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้อุบัติเหตุบนท้องถนนยามค่ำคืนอาจเกิดจากทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ไม่ชัดเจนรวมไปถึงไฟฟ้าและไฟสัญญาณอาจเกิดการขัดข้องได้ เพราะฉะนั้นควรขับขี่ยานพหนะด้วยความระมัดระวังตลอดเวลา