ค้นหา

ที่นี่มีผี..รวมเรื่องลึกลับสยองขวัญสั่นประสาทตาเหลือกตากลับ
บางทีก็น่ากลัวบางทีก็ไม่น่ากลัวรวมๆกันไป
ที่นี่เปิด รับทุกอย่างที่เกี่ยวกับผีๆวิญญาณ
ท่านใดชอบเรื่องผีหรือมีคลิปผีถ่ายติดวิญญาณ.. น่าสนใจ..
ติดต่อส่งตั้งกระทู้มาที่ ghost-in-manman ด้านข้างครับ
แนะนำข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเชิญได้ครับ
ดูเว็บ ghost-in-manman แล้วหาความรู้เพิ่มเติม..ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ครับ
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆที่ให้ความสนใจและ ให้ข้อมูลเรื่องน่ากลัวๆเรื่องประสบการณ์ทางวิญญาณ มาทางเราจะนำมาลงให้อ่านกันในครั้งต่อไปนะครับ.....
อย่าลืมดูเว็บ ghost-in-manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผีดุ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผีดุ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่อง ที่เกิดขึ้นคือ เมื่อเดือนมิถุนายน

(เอาแบบโชว์เลย)

เรื่อง ที่เกิดขึ้นคือ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานะครับ
ผมจะต้องขึ้นไป เชียงใหม่ คืองานที่ผมทำจะเป็นเกี่ยวกับร้านมินิมาร์ท ต้องดูตั้งแต่งานก่อสร้างจนถึงร้านเสร็จน่ะครับ ลักษณะของการทำงานคือ เราต้องไปหาทำเลดีๆเพื่อเช่าตึก เป็นตึกที่มาลัษณะเป็น2คูหา ตึกที่ผมไปเช่าตอนนั้น ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าประวัติความเป็นมาอย่างไร...หรือมีเรื่องเล่าลึกลับ อะไรหรือเปล่า แต่พอรู้คร่าวๆ ว่าตึกที่อยู่ทางด้านขวามือมันจะมีประวัตินะครับ ตอนนั้นเราไปเช่าทั้งหมด2ตึก ทำสัญญากันเรียบร้อย ด้วยความอยากรู้ประวัติความเป็นมาคร่าวๆของตึกที่ไปเช่า ผมจึงถามเจ้าของตึกที่อยู่ตึกนี้ว่า มีอะไร แปลกๆ มั้ย เคยมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า?

เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร เพราะว่าซีกซ้ายกับซีกขวาถัดไป 2ห้อง จะไม่มีคนอยู่ นอกนั้นจะมีคนอยู่เต็มไปหมด

ทางทีมงานของเราจึงเริ่มทำการก่อสร้าง ตกแต่งเพื่อเปิดเป็นมินิมาร์ท พวกนักศึกษาและคนที่อยู่แถวนั้น พอผ่านไปผ่านมาก็มักจะถามว่ากำลังสร้างอะไร?
เราก็บอกว่ากำลังทำมินิมา ร์ท แต่คำพูดต่อจากนี้สิครับ ที่ทำให้ผมสงสัยขี้นมาตงิดๆ เพราะหลายคนก็มักจะพูดว่า "คิดดีแล้วเหรอ?" นั้นทำให้ผมคิดว่ามีอะไรหรือเปล่า? แต่แทนที่ผมจะได้รับความกระจ่าง แต่กลับมีคำตอบที่ว่า"ไม่มีอะไรหรอก....สร้างไปเถอะ" หลังจากนั้นเราก็สร้างไปจวนจะเสร็จแล้ว แต่ก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ไปดูชั้น 2 ชั้น 3 ของตึกนั้นนะครับ เราก็ขึ้นไปดูตึกขวามือ ตึกที่เกิดเรื่องมีสายสิญจน์ตั้งแต่ข้างล่างจนไปถึงข้างบน ที่ทำให้บรรยากาศดูวังเวงมากขึ้นไปอีกก็คงจะเป็นบริเวณนั้นเต็มไปด้วย หยากไย่...ให้ความรู้สึกรกร้างอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ ครับ
แต่ในระหว่างที่เรากำลังสำรวจพื้นที่ยริเวณชั้น 2พลันก็ดันเหลือบไปเห็นนักศึกษาหญิงเดินนำหน้าเราขึ้นไปยังชั้น 3 ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่เกิดเหตุครับ(เกิดอะไรเดี๋วทราบกันครับ) ตอนนั้นผมก็เอะใจขึ้นถามน้องที่ไปด้วยกันว่า "น้องๆใครขึ้นไปค้างบนอะ?" น้องที่ไปด้วยก็หันซ้ายหันขวาแล้วก็หันหน้ามาตอบว่า"ไม่มีใครนี่ครับพี่" แต่ด้วยความสงสัยในสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ทำให้ผมที่สาวเท้าตามขึ้นไปชั้น 3 แต่ผมปรากฎว่า เป็นสถานที่ที่เกิดเรื่องไม่ดีแน่นอน เพราะมีสายมีแถบของตำรวจขึงอยู่ ห้ามเข้าไปในบริเวณนั้น ตอนนั้นทำให้ผมถึงกับ ชะงักงันไปเลยครับ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจไปถามเจ้าของตึกว่า เกิดอะไรขึ้นที่นี้ ทำไมมันมีพื้นที่ที่เข้าไม่ได้
แต่เจ้าของตึกกลับบอกว่าไม่มีอะไร สงสัยพวกตำรวจคงมาขึงเล่น...
มันยิ่งทำให้ผมสงสัยเข้าไปใหญ่เลยครับ ตำรวจที่ไหนจะมาขึงเล่น มันเป็นไปไม่ได้หรอก ตึกแห่งนี้ต้องเคยเกิดเรื่องไม่ดีแน่นอน เหตุการณ์ระหว่างนั้นคือ ระหว่างที่เราทำงานอยู่ที่นี่ เราต้องอยู่ตึกซ้ายมือ ต้องนอนเฝ้างานก่อสร้าง แล้วทุกตี 3 ของทุกคืน ผมจะต้องสะดุ้งตื่นเพราะข้างบนได้ยินเสียงเหมือนการต่อสู้เกิดขึ้นได้ยิน เสียงผู้หญิงร้อง ผมชวนพรรคพวกขึ้นไปดูสำรวจทุกซอกทุกมุมแล้วก็ไม่เห็นว่ามีอะไร มันไม่มีอะไรจริงๆ ครับเวลาผ่านไปประมาณ1สัปดาห์ พวกเราที่ทำงานอยู่ ด้วยกันที่นั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของความทรมานตลอด

จนมีอยู่มัน หนึ่ง วันนั้นรู้สึกว่าจะเป็นวันพระ ตอนนั้นผมกำลังอาบน้ำเวลาประมาณตี 2 เห็นจะได้ครับ อาบน้ำเสร็จก็มาแต่งตัว แล้วกระจกแต่งตัวของผมก็จะวางอยู่ในลักษณะที่มองเข้าไปก็จะเห็นเงาสะท้อนของ ระเบียงด้านหลัง แล้วสิ่งที่ผมเห็นคืออะไรรู้มั้ยครับ ขอบอกว่าน่าสยดสยองมาก ผมเห็นผู้หญิงเปลือยท่อนบน โดนเหล็กทิ่มอยู่เลือดไหลโชกไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังพูดเสียงเบาๆเย็นๆว่า "หนูหิว!" ตอนนั้นผมตกใจมากเลยครับ ขนลุกไปทั้งร่างเลยทีเดียว ผมรวบรวมความกล้าหันไปมองตรงๆ ก็ยังเห็นเธออยู่ที่เดิม แล้วเธอก็ครำครวญ อีกว่า "หนูหิว!" จากนั้นเธอก็หายวับไปกลับตาเลยครับ นาทีต่อมาจากนั้นผมก็ลงมาข้างล่าง ถามน้องๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นตรงระเบียงหรือเปล่า มีเหตุการณ์การอะไรเกิดขึ้นมั้ย?
ตอน นั้นผมเรื่มโวยวายลั่นแล้วครับคงเป็นเพราะด้วยความตกใจระคนความกลัวก็เป็น ได้ แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบอะไรได้แล้วความสงสัยหลายๆ อย่างก็ทำให้ผมตัดสินใจไปหาเจ้าของบ้านตอนนั้นเลยครับ ตอนแรกเขาก็ อำๆ อืมๆ ไม่ยอมบอก แต่สุดท้ายเขาก็ต้องเฉลยความจริงให้ผมฟังครับ "ที่ตึกชั้น 3 ข้างขวา เคยมีนักศึกษาโดนฆ่าข่มขืน ตอนที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาณตี 3 ครับ เธอถูกฆ่าเปลือย แล้วหลังจากฆาตรกรใจโหดข่มขืนเสร็จ ก็ใช้เหล็กแหลมทิ่มที่หน้าอก" ผมก็เลยให้เจ้าของพาไปเปิดห้องที่เกิดเหตุให้ผมดูครับ เชื่อมั้ยครับว่าเฟอร์นิเจอร์ ของทุกอย่างยังอยู่ครบ คราบเลือด เส้นผม สิ่งต่างๆยังอยู่เหมือนเดิม เพราะว่าตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ยังเครียร์คดีไม่จบ ซึ่งเจ้าของก็บอกว่าหลังจากเกิดเหตุสยองขวัญขึ้น เธอก็มาขอส่วนบุญเป็นประจำ... เชื่อมั้ยครับว่าเรื่องนี้ ผม ได้สัมผัสมากับตัวเอง จริงๆครับ..

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก:: พลังจิตดอทคอม

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีทำเมื่อคนอยากเห็นผี

[images.jpg]

* + ปรากฏการณ์ที่ 1: เยื่อกระจกตาคนตาย + * *
* *...ถ้าชีวิตของคุณตกอยู่ในโลกที่มืดมิด
และกำลังเสาะหาแสงสว่าง...
สำหรับหญิงสาวตาบอดที่เฝ้าฝันถึงโลกที่สวยงาม
การมองเห็นเฉกเช่นคนอื่น
ย่อมเป็นความปรารถนาที่เฝ้าคอย เพียงทว่าควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเลือกมองโลกผ่านมุมมองของคนที่ไม่รู้จัก จะเป็นสิ่งที่ดีเพราะมันอาจทำให้คุณได้เห็นและสัมผัสกับสิ่งที่คุณไม่อยากเจอเลยทั้งชีวิต
* * + คำเตือน :
เมื่อโลกแห่งวิญญาณที่ผ่านนัยน์ตาของคุณถูกเปิดแล้ว
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะหันหลังกลับ
* * +ปรากฏการณ์ที่ 2: คนท้องเห็นผี+ * *
* *...การเกิด และการตายคือ 2
สิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์ชั่วนิรันดร์…* *
* * มีหลายเหตุผลที่หลายคนไม่เคยล่วงรู้
สาเหตุของการดิ้นของลูกน้อย
ลูกเตะสำหรับมารดาที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์นำมาซึ่งปัจจัยในการเชื่อมโยงระหว่างโลกของคนเป็นและคนตายได้โดยไม่รู้ตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวที่กำลังตั้งท้องและคิดฆ่าตัวตาย * *
* * +คำเตือน :
สำหรับสาวใจแตกที่ตั้งท้องและกำลังคิดสั้นด้วยการกินยาเกินขนาด
* * +ปรากฏการณ์ที่ 3 : ผีถ้วยแก้ว + * *
* *...หากบ้านของคุณมีผีมากกว่าหนึ่งตน
มีอยู่ที่หนึ่งที่พวกมันจะไปอยู่รวมกัน... * *
* *แม้ว่าผีที่อยู่ในถ้วยมักมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น
แต่ส่วนใหญ่มักชอบความสันโดษ แต่ผีไม่ได้สิงในถ้วยทุกใบหากใบไหนมีผีสิงอยู่
ระหว่างมันออกหากิน ให้คว่ำถ้วยใบนั้นบนจานรองเสีย
เพื่อที่มันจะได้กลับเข้ามา
ไม่ได้ วิญญาณประเภทนี้สามารถรับรู้ถึงการปรากฏตัวของคนผ่านรอยสัมผัสถ้วย
หรือบางครั้งก็ในรูปของคราบที่ถูกทิ้งไว้บนใบชา หรือคราบกาแฟหากอยากรู้ถึงโชคชะตาให้จับคู่ถ้วยกับชามให้ถูกต้อง การที่จะได้พบพวกมัน
คุณต้องพยายามสอดส่ายตอนที่ไล่มันออกจากถ้วย
ผีมักจะทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงที่สิงสู่
และมักจะได้เห็นรอยแผลที่แสดงให้เห็นอยู่เสมอ
* * + คำเตือน : ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่
ให้เก็บรักษาถ้วยและชามที่เข้าชุดอย่างน้อยหนึ่งชุดไว้ในบ้านเสมอ
* * + ปรากฏการณ์ที่ 4: เสียงเรียกตอนอาหารมื้อดึก 
* *...อาหารเป็นของสำหรับสิ่งมีชีวิต
ดังนั้นผีจึงไม่สามารถกินอาหารได้
แต่ถ้าพวกมันลืมไปว่าสถานะของพวกมันคืออะไร
พวกมันก็จะต้องตายเพราะความหิวโหย...
คนที่ชะตาไม่ถึงฆาตมักมีความสับสน
จริงอยู่พวกมันอาจสำเหนียกว่าร่างกายดับสูญไปแล้ว
แต่พวกมันก็ยังไม่สามารถรับได้ว่า ตนเองตายไปแล้วจริงๆหากอยากมองเห็นวิญญาณพวกนี้
ให้นำอาหารไปวางไว้บริเวณจุดที่เพิ่งเกิดอุบัติเหตุ
หรือบริเวณทางแยกที่เป็นทาง 3-4 แพร่ง
หลังจากให้อาหารแล้วก็ให้เคาะหม้ออาหารด้วยช้อนส้อมหรือตะเกียบเสียงดังกล่าวจะทำให้วิญญาณตายโหงเหล่านั้นนึกว่าได้เวลาที่จะต้องกินอาหารแล้ว
* * +คำเตือน :
อย่าหยุดเคาะช้อนส้อมหรือตะเกียบจนกว่าอาหารจะหมดไปจากจาน
* * +ปรากฏการณ์ที่ 5 : เล่นซ่อนหา+ * *
* *...กำลังมองหาที่ซ่อนที่ไม่มีใครหาเจออยู่ใช่ไหม
ลองหลบอยู่หลังวิญญาณดูสิ…* *
* *ผีที่ยังตัดความเป็นคนไม่ขาดมักชอบสังเกตอะไรรอบตัวเสมอแม้ว่ารายการทีวียามดึก หรือการเล่นไพ่คือ สองสิ่งที่พวกมันโปรดปราน
แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่เทียบเท่ากับการเล่นซ่อนหา
การเล่นเกมแบบนี้ในสวนสาธารณะตอนกลางคืน
ถ้าให้ดีลองเล่นในบริเวณสุสานดูซิ
มักมีผีขี้เล่นเข้ามาร่วมสนุกอยู่เสมอ
โดยพวกมันมักจะช่วยบังผู้เล่นคนใดคนหนึ่งไว้
วิญญาณพวกนี้จะบังไม่ให้คนซ่อนได้เห็นภาพเบื้องหน้าหากไม่มีแมวดำผ่านเข้ามา
คุณก็จะไม่เห็นอะไรอีกต่อไป
* * +คำเตือน : ให้สวมนาฬิกาข้อมือทุกครั้งที่เล่นเกมนี้
ความคิดเห็นที่ 8
* * +ปรากฏการณ์ที่ 6: ดินฝังศพป้ายตา + * *
* *….การจะได้เห็นวิญญาณกับตา
คุณต้องหาดินที่ฝังร่างพวกมันให้ได้เสียก่อน…* *
* * ดินมักจะซึมซับเอาวิญญาณของศพที่เพิ่งตายใหม่ๆ
ดินที่อยู่ลึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งซึมซับวิญญาณมากเท่านั้น ดินที่สกปรกหากป้ายดินดังกล่าวที่บริเวณตา จะทำให้เห็นว่าผีกำลังทำอะไรอยู่
จงอย่าทำอย่างที่ว่าบริเวณที่ผีชุมนุมกันอยู่
เพราะพวกมันจะพาคุณไปอยู่กับมัน
* * + คำตือน : ให้อยู่ห่างจากแสงสีขาวสว่างจ้าเอาไว้
* * +ปรากฏการณ์ที่ 7 : เงามืดในกระจก+ * *
* * ...บางครั้งมันก็อยู่ใกล้ตัว กว่าที่คุณคิด เงามืดผ่านกระจกยามเที่ยงคืน * *
* * เสียงนาฬิกาดังตี 12 ครั้งพึงจำไว้ว่า
ถึงเวลาที่ใครบางคนรอพบคุณอยู่ เพียงหยิบหวีที่คุ้นเคยนั่งลงตรงหน้ากระจกปิดไฟให้มืดมิด จุดเทียนให้เห็นความสว่างเพียงรำไร
จ้องมองตัวเองที่หน้ากระจก แล้วเริ่มต้นหวีผม
จับตาดูให้ดีบางสิ่งบางอย่างจ้องมองมาที่คุณผ่านเงาสะท้อนมืดก็จะเห็นผีผ่านกระจก
* * + คำตือน : อย่าแปลกใจที่ในกระจกอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณคุ้นเคย
* * +ปรากฏการณ์ที่ 8 : เงามรณะ + * *
* *...ข้อห้ามบางอย่างพึงจำไว้
อาจมาจากประสบการณ์ที่ปราศจากลมหายใจ..
* *
* * เงาทุกเงาล้วนมีที่มา เฉกเช่กในระหว่างที่คุณเดินทางหรืออยู่แห่งหนใดภายใต้ชายคา หรืออาคาร ระวังให้ดีถ้ามีร่มอยู่ในมือคนไม่เชื่อหลายคนล้วนอาจประสบการณ์สยองมาแล้ว จากความคะนองกางร่มในมืดเงามรณะจะถามหาและติดตามคุณไปตลอดกาล
* * +คำเตือน : สัมผัสสยองที่ไม่เกี่ยงเพศ และวัย
ถ้าใจไม่แข็งอย่าลอง
* * +ปรากฏการณ์ที่ 9 : หว่างขา + * *
* *…คือ ช่องทางจากโลกนี้สู่อีกโลกหนึ่ง...โลกของคนตาย * *
* *คนเราอาจจำไม่ได้แล้วว่าเราเกิดขึ้นมาในโลกนี้ได้อย่างไรแต่แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าตัวเองเองออกมาจากหว่างขาแม่ของเราหากอยากมองเห็นโลกอีกโลกหนึ่งให้ลองก้มมองลอดหว่างขาตัวเองดู
แต่อย่ามองนานจนคนในอีกโลกที่เราเห็นรู้ตัวเข้า
เพราะคุณอาจถูกลากเข้าไปในโลกของมันเพื่อเกิดใหม่
* * +คำเตือน : ผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องระวัง ยกเว้นเฉพาะคนท้อง
* * +ปรากฏการณ์ที่ 10 : ชุดงานศพ + * *
* *…ลองสวมชุดคนตาย ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาตายดูซิ
แล้วลองกลั้นลมหายใจดู การเดินทางสู่ปรโลกจักเริ่มต้น …* *
* * หากอยากรู้ว่าภพหน้าเป็นอย่างไร ก็ลองจัดงานศพปลอมๆให้ตัวเองด้วยการขอยืมโลงศพจากคนตายที่รอฌาปนกิจมาลองนอนดู
จงอย่าลืมนำเหรียญติดตัวไปด้วยหลายๆ เหรียญ
เพราะการลองทำเช่นนั้นคุณจะต้องจ่ายด้วยอะไรบางอย่าง
ข้อปฎิบัติ
• ทุกวิธีต้องทำระหว่าง 4 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน และต้องไม่เลยเที่ยงคืนเพราะจะถือว่าเป็นวันใหม่
•ทุกวิธีห้ามใส่พระยกเว้นวิธีที่ 8
•วันที่ทำแล้วมีโอกาสเห็นได้ง่ายสุดคือวันพุธและ วันศุกร์และวันอาทิตย์
•ทุกวิธีอาจจะให้คนอื่นอยู่ด้วยก็ได้ยกเว้นบางวิธีที่จะระบุบว่าคุณต้องทำคนเดียว
•ทุกวิธีต้องหลับตาหากคุณเปลี่ยนใจไม่อยากเห็น ให้เอาอุปกรณ์ทุกอย่างออก แล้วค่อยลืมตา
วิธีที่1*“มองลอดใต้หว่างขา” (เห็นผี 21 คน)
1. นำใบไม้ (จากต้นใดก็ได้) ที่ร่วงลงมาจากต้นไม้ ต้องเป็นของต้นนั้นจริง ๆ และร่วมลงมาไม่ห่างจากลำต้นมากนัก หากอยู่ใกล้รากจะยิ่งดี
2. ยืนในที่โล่ง และต้องมองเห็นพระจันทร์ หันหน้าไปทางทิศตะวันออกหันหลังไปทางทิศตะวันตก (เพื่อเวลาก้มจะได้ก้มไปทางทิศตะวันตก
3. นำใบไม้ที่เก็บมา เอาไว้ในฝ่ามือ (จะทำมืออย่างไรก็ได้ แต่ห้ามพนมมือ)
4. หมุนตัวตามเข็มนาฬิกา (หมุนซ้าย) ช้า ๆ เมื่อมาหยุดที่เดิม (ทิศตะวันออกที่หันหน้าไว้ตั้งแต่แรก) ให้ท่องว่า“พุทโธทายะ” (เหมือนผีถ้วยแก้วเลย) ทำแบบนี้ 3 รอบ (ท่อง 3 ครั้งด้วย)
***เพื่อให้เห็นภาพ*** 
รอบที่1 ยืนหันไปทางทิศตะวันออก หมุนซ้ายไปจนมาหยุดที่จุดเริ่มต้นแล้วท่องว่า
“พุทโธทายะ” และทำต่อไป รอบที่ 2 และรอบที่3
5. หลับตานึกถึงใบไม้ที่อยู่ในมือ กับต้นเจ้าของใบไม้ แล้วให้คิดว่าใบไม้ในมือ คือพลังงานอย่างหนึ่งที่จะเรียกวิญญาณมาได้ และนึกเอาว่าใบไม้นี้ได้ตายไปแล้วจึงได้หลุดมาจากต้นไม้ เพราะฉะนั้นเราติดต่อกับวิญญาณได้เหมือนที่ติดต่อกับใบไม้ที่ตายแล้วใบนี้
6. ค่อย ๆ ก้มหน้าลง (ระหว่างนี้ห้ามลืมตาเด็ดขาด) เมื่อคุณก้มและพร้อมแล้ว “ให้ตั้งสติดี ๆ” แล้วลืมตา
7. แล้วผีจะมาให้เห็น

***หากเห็นอะไรห้ามวิ่ง ไม่ว่าสิ่งที่เห็จะอยู่ไกล หรือมาประจันหน้าก็ตาม ต้องทำตามนี้ก่อน***
1. เงยหน้าขึ้น ทิ้งใบไม้ลงพื้นทันที
2. หมุนตัวทวนเข็มนาฬิกา (หมุนย้อนกลับไปทางขวานั่นเอง) 3 รอบ โดยไม่ต้องท่องอะไรเลย
3. เมื่อกลับถึงบ้านต้องล้างหน้า 3 ครั้ง ก่อนล้างให้ท่อง “พุทโธ” แล้วเป่าลมลงน้ำจึงค่อยล้างหน้าทำแบบนี้ 3 ครั้ง ::
วิธีที่2*“ตัดเล็บตอนกลางคืน” (เห็นผี 12 คน)
***ขอย้ำเลยวิธีนี้ ต้องทำระหว่าง 4 ทุ่ม ถึง เที่ยงคืน เพราะต้องไม่ให้โพล้เพล้ หรือ เป็นวันใหม่”***
1. ตัดเล็บมือเท่านั้น โดยเริ่มจากนิ้วก้อย ,นิ้วโป้ง ,นิ้วนาง ,นิ้วชี้ และนิ้วกลาง (ตัดจากนอกเข้าในนั่นเอง)
โดยเริ่มตัดจากมือขวาก่อน และทำแบบเดียวกันกับมือซ้าย
*เล็บที่ตัดห้ามหักหรือขากเด็ดขาดต้องเป็นโค้งตามรูปเล็บ มิเช่นนั้นจะไมได้ผล*
2. น้ำเศษเล็กที่ตัดห่อใส่ผ้าอะไรก็ได้แต่ต้องเป็นสีดำ (ต้องใช้แล้ว ไม่ใช่ผ้าใหม่)
3. นำไปวางไว้ทางทิศตะตก (เช่นเคย) ของที่พักอาศัย
4. เมื่อคุณเข้านอนได้ไม่นาน จะมีคนมานั่งตัดเล็บอยู่ตรงปลายเท้าที่คุณนอน (เสียงดัง “แก๊กๆ” นั่นแหละ) เป็นการตัดเล็บของเค้ามาคืนคุณ
5. ถ้าอยากเห็นก็ลืมตาแต่ห้ามโวยวาย เพราะเขาจะไปแล้วคุณอาจจะซวยได้ (เพราะถือว่าเค้ามาดี โดยที่เขาคิดว่าเราเอาเล็บไปแลก หรือไปเล่นกับเขา แล้วเขาก็เลยเอาของเขามาคืน
6. เมื่อคุณตื่นในตอนเข้า ให้ไปยังจุดที่คุณเอาเล็บไปวางไว้ คลี่ห่อผ้าออก จะพบเล็บของคนอื่นไม่ใช่ของคุณ
7. ให้คุณพูดเบา ๆ ว่า “ขอบคุณ” แล้วเอาไปฝังไว้ที่ใดก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่พักอาศัยของคุณ (แต่ห้ามทิ้งหรือเผาโดยเด็ดขาด)
วิธีที่3*“หันหลังให้กระจกแล้วกลืนน้ำลาย” (เห็นผี 16 คน)
- วิธีนี้ต้องทำคนเดียวเท่านั้น
- วิธีนี้ต้องทำก่อนเที่ยงคืน 6 นาที
- นาฬิกาที่คุณใช้เป็นเกณฑ์ในกาวัด ให้ยึดเรือนใดเรือนหนึ่งในบ้านได้เลย
1. ยืนหันหลังให้กระจก (ครั้งนี้จะทิศใดก็ได้) ตอนเวลา 5 ทุ่ม 54 นาที
2. กลืนน้ำลาย 1 ครั้ง ทุก ๆ 1 นาที
3. พอครบ 6 นาที หมายความว่าคุณกลืนน้ำลายไปแล้ว 6 ครั้ง และถึงเวลาเที่ยงคืนพอดี
4. หลับตาแล้วหันไปทางกระจก (จะหันซ้ายหรือขวาก็ได้แต่ช้า ๆ) แล้วกลืนน้ำลายอีกครั้ง (เป็นครั้งที่7)
แล้วลืมตา และผีจะมาให้เห็น
5. เมื่อคุณต้องการยุติพิธี ให้หลับตากลืนน้ำลายอีกครั้ง เป็นอันจบพิธี
*วิธีที่4* “ดีดลูกคิดตอนกลางคืน” (เห็นผี 32 คน)
- ลูกคิดที่ใช้ดีด ให้ดีดอันที่มีรางยาวที่สุดเท่านั้น
- ต้องอยู่คนเดียว เพราะต้องใช้สมาธิอย่างมาก
1. ให้ลูกคิดทุกลูก ในทุกรางอยู่สุดรางที่หันมาหาตัวเรา
2. ดีดีลูกคิดขึ้นโดยให้ลูกคิดออกจากตัวทีละลูก(ต้องมีสมาธิมากๆ) ไล่ไปตั้งแต่รางแลก ไปจนรางสุดท้าย
3. ตั้งสมาธิให้ดีอย่างมาก แล้วจับรางลูกคิดตั้งขึ้น ให้ลูกคิดวิ่งกลับมาที่เดิมในตอนแรก
4. มองรอดช่องรางลูกคิด(รางใดก็ได้) แล้วผีก็จะมาให้เห็น
5. หลังจาการทำเรียบร้อยแล้ว ให้ทิ้งลูกคิดนั้นทันที *ห้าม* นำกลับมาใช้อีกเป็นเป็นอันขาด
วิธีที่5* “เอามุ้งคลุมหัวตอนกลางคืน” (เห็นผี 6 คน)
1. เอามุ้งมาครอบหัวไว้ (หลับตาตั้งแต่ก่อนคลุมแล้ว)
2. ท่อง มะ-อะ-อุ 7 ครั้ง (อย่าลืมว่าต้องหลับตา)
3. ลืมตา แล้วผีจะมาให้เห็น
วิธีที่6* “ใส่เสื้อกลับแล้วนอนห้อยหัว” (เห็นผี 31 คน)
- ต้องทำคนเดียว
1. ใส่เสื้อโดยการเอาข้างหลังมาอยู่ข้างหน้า (ถ้ามีกระดุม ก็เอากระดุมไว้ขางหลังนั่นเอง)
2. นอนลงบนที่นอนที่สูงกว่าพื้น แล้วห้อยหัวลงมอง (เหมือนแหงนหน้า)
3. แล้วผีจะมาให้เห็น
*วิธีที่7* “แหงนหน้ามองตรงบันได” (เห็นผี 42 คน)
- ต้องทำคนเดียว
1. นั่งบนบันไดชั้นบนสุด แล้วลงมาทีละขั้นทั้งที่ยังนั่งอยู่ (ใช้ก้นลงบันได้นั่นเอง)
2.เมื่อถึงขั้นสุดท้าย ให้ยังคงนั่งอยู่ที่ขั้นสุดแล้ว แล้วจึงแหงนหน้ามองกลับขึ้นไปชั้นบนสุด
3. แล้วผีจะมาให้เห็น
*วิธีที่8* “สวมพระกลับหลัง” (เห็นผี 28 คน)
- ต้องทำคนเดียว
1. สวมพระโดยคล้องสร้อยพระไว้ด้านหลัง(ให้เหมือนที่อยู่ด้านหน้าเลย)
2. ยื่นแขนซ้ายออกไปข้าง ๆ แล้วทำมุมข้อศอกโดยให้กำปั้นทิ่มลงพื้น และให้ข้อศอกตั้งฉากกับพื้น
3. มองลอดผ่านช่องแขน แล้วจะเห็นผี

• 10วิธีเห็นผี
ข้อ1 นำตะปูโรงศพแขวนคอแล้วเดินวนรอบสถานที่ที่พิสูจน์3รอบแล้วก้มดูระหว่างขา
ข้อ2 นำอาหารและของหวานต่างๆและเคาะรอบจอน3รอบและกินของเส้นและก้มมองดูระหว่างขา
ข้อ3 นำตะปูโรงศพมาตอกไว้หน้าประตูห้องที่จะเล่นแล้วเล่นผีถ้วยแก้ว
ข้อ4 ต้องใช้ 2 คนคนหนึ่งคาบธูปคนหนึ่งถือธูป คนที่คาบธูปนั่งหรือนอนตรงที่ที่คนตาย
คนที่ถือก็นั่งห่าง 1 ก้าวแล้วท่องคาถาเรียกผี
ข้อ 5 ต้องใช้2คนคนหนึ่งนอนในโรงคนหนึ่งท่องคาถาเรียกผีแต่ต้องนอนในโรงศพใหม่ๆที่ยังไม่มี
คนตาย คนที่นอนต้องถือดอกไม้เหมือนคนตาย
ข้อ 6 นำขี้เถ้าโรงศพมาป้ายตาแล้วท่องคาถาเรียกผี
ข้อ 7 นำของของคนตายมาวางไว้ข้างหน้าตัวเราแล้วท่องคาถาเรียกผี
ข้อ8 นั่งสมาธิให้ใจสงบว่างเปล่าก่อนแล้วผีจะมาเอง
ข้อ 9 นอนถือดอกไม้เหมือนคนที่ตายแล้วในห้องเปลี่ยวๆแต่ที่ที่มีคนตายเท่านั้น
ข้อ10 นั่งในห้องที่มีคนตายอยู่ในตอนกลางคืนแล้วท่องคาถาเรียกผี
(คาถาเรียกผี "สัมภเวสี จุตินัง" ท่อง3ครั้ง)
credit by xchange.teenee.com ครับ

เรื่องเล่าของเดียรัจฉานวิชา

[images.jpg]
เล่าเรื่องเดรัจฉานวิชา
ก่อนจะเข้าพรรษาประมาณเดือน พฤษภาคม ก่อนฝนจะมาชาวบ้านมะแว้ง ได้มีโอกาสต้อนรับพระภิกษุสงฆ์สูงอายุราว ๆ ๖๐ เศษ ท่านได้ธุดงค์ผ่านมา ท่านปรารภว่า " เข้าพรรษาปีนี้อาตมาประสงค์จะจำวัดที่หมู้บ้านมะแว้งแห่งนี้ " พุทธบริษัทต่างปรีดาปราโมทย์เป็นยิ่งนัก จึงพร้อมใจกันสร้างกุฏิขึ้น ๑ หลัง เลือกสถานที่เริ่มแม่น้ำเพราะเห็นวิเวกดีเขตชายแดนติดต่อประประเทศเขมรของภาคเหนือแห่งหนึ่ง เส้นทางแสนจะลำบากลำเค็ญในทุก ๆ ฤดู เป็นเวรกรรมของผู้ที่ใช้เส้นทางนี้ หมู่บ้านมะแว้ง ตั้งอยู่กลางดงไม้อันหนาแน่นไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดเป็นผู้ริเริ่มในการมาลงหลักปักฐาน ถึงแม้นจะเป็นกลางดงลึก แต่ก็มีผู้คนอาศัยอยู่เกือบ ๕๐ หลังคาเรือน อาจจะเป็นเพราะดินค่อนข้างต่ำ น้ำค่อนข้างชุ่ม จากต้นน้ำหลาย ๆ สายของทิวเขาตลอดชายแดน

ชาวบ้านมะแวังมีอุปนิสัยชอบในการทำบุญ ถึงแม้จะเป็นหมู่บ้านที่ยากจนแต่ทุกคนมีศีลธรรมรักใครกรมเกียวกันดี จึงทำให้หลวงพ่อพระธดงค์ได้พำนักอย่างสบายใจ ในพรรษาชาวบ้านได้อยู่เย็นเป็นสุขกันมา จนกระทั้งผ่านมาถึงเดือนสุดท้ายก่อนออกพรรษา ข้าวในนาตั้งรวง อากาศเย็นเริ่มโชยมา ท้องฟ้าที่เคยมืดมิดเพราะเมฆฝนหายไป มีแต่ปุยฝ้ายเข้ามาแทนที่ ท้องฟ้าสีเงิน ตัดเมฆงามตายิ่งนัก แต่น้ำในห้วยเริ่มขาดแคลน
แล้วข่าวร้ายก็ได้กระจายทั่วหมู่บ้าน หมูแม่พันธุ์ที่มีอยู่ตัวเดียวของนายมิ่ง ที่เลี้ยงไว้ไต้ถุนบ้าน ได้หายไปในตอนกลางคืน นายพรานคงชี้ชัดบอกว่า เสือมาคาบเอาไปกินเพราะบริเวรรอบบ้านมีรอยเท้าเสือเกลือนไปหมด ตั้งแต่นั้นมาวัวควายก็ทยอยหายไปเรื่อย ๆ แม้แต่สัตว์เล็กอย่างเป็ดไก่ก็พลอยหายไปด้วยเป็นที่หวาดผวาของชาวบ้านมะแว้ง ใครมีวัวมีควายต่างก็นำมาผูกรวมกันไว้คอกกลางหมู่บ้านและได้ก่อไฟเปลี่ยนเวรยามกันอย่างแน่นหนา

พอค่ำหน่อยต่างก็ปิดประตูหน้าต่างกันเงี่ยบไม่ได้ยินแม้แต่เด็กที่ร้องให้เพราะกลัวเสือมันจะมาคาบเอาไปกิน ใครจะมีธุระกลางค่ำกลางคืนมาจะไม่คนเป็นประตูรับเป็นอันขาด ถ้ามีปวดท้องก็กลั้นเอากลั้นไม่อยู่ก็จะต้องมีคนมาคุมไม่น้อยกว่า ๓-๖ ยืนคุมพร้อมด้วยอาวุธที่มี.. ส่วนมากจะไม่มีใครกล้าลงจากบ้านกันเลย

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ชาวบ้านมะแว้งต้องสยองขัวญเพราะเสือได้คาบหมูของนายอินนางจันทร์สองสามีภรรยาเอาไปกิน หมาเลี้ยงไว้หลายตัวแต่ละตัวล้วนแต่ดุ ๆ เห่าเก่ง วันที่เกิดเหตุต่างไม่มีตัวไหนเลยที่จะส่งเสียงมาเตือน พวกมันมัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกัน พรานคงได้นำชายหนุ่มฉกรรจ์ออกตามรอยเท้าเสือก็พบเศษซากของหมูเกลื่อนกลาดไปเป็นทาง

อีกหนึ่งอาทิตย์จะออกพรรษาหัวหน้าชาวบ้านเรียกลูกบ้านมาประชุมกันถึงเรื่อง งานบุญปีนี้จะเอาอย่างไรกันดีเพราะได้มีเสือเข้าในหมู่บ้าน และได้มีผู้กล้าหาญ ๕-๖ อาสาออกไปจัดการกับเสือร้ายโดยนายพรานคงเป็นหัวหน้า พรานคงให้นายวินเป็นคนเอาหมูออกไปผูกล่อเสือตรงกลางทุ่งแล้วพวกขางพรานคงก็ทำคัดห้างที่ต้นไม้ใหญ่คอยจ้องมองว่าเสือมันจะมาคาบเอาหมูที่ผูกไว้เมื่อไหร

เสือมันก็รู้ตัวไม่ยอมโผลมาให้เห็น คืนที่สองก็แล้วจนกระทั้งคืนที่สาม ดวงจันทร์ขึ้น ๘ ค่ำแสงจากดวงจันทร์สว่างจ้า ลมเย็น ๆ เริ่มโรยตัวลงมาแต่เหล่านายพรานคงยังคงถือปืนจ้องไปที่หมูที่ผูกเอาไว้ เสียงจิ้งหรีดที่พากันร้องจ้าจนแสบแก้วหูพลันพาพร้อมใจกันหยุดร้องเงี่ยบกริบแม้แต่ลมก็พลอยจะหยุดไปด้วย ลมโชยมาอีกครั้งคราวนี้ได้กลิ่นสาบและร่างของเสือก็ปรากฏขึ้น หมูที่ผูกไว้มันรู้ว่าภัยได้มาถึงตัวมันแล้วมันดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อให้เชือกที่ผูกมัดไว้กับตอไม้หลุดออกแต่ก็ไม่พ้นจากกรงเล็บของเจ้าลายพลาดกลอนไปได้ นายพรานคงถึงกับผงะเพราะเสือตัวใหญ่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย พอตั้งสติได้จึงยกปืนแก๊ปเล็งและวาดกระบอกปืนไปที่ร่างของเสือ เสียงปืนดังสนั้นหวั่นไหว

ทุกคนเห็นชัด ๆ ว่าเสือกระเด็นกระดอนไปตามแรงของปืน แต่อะไรนั้นมันลุกขึ้นยืนสะบัดขนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และก็ได้คาบเอาเหยื่อแล้วเดินหายลับไปต่อหน้านายพรานคง ทุกคนตลึงอ้าปากค้าง

รุ่งเช้าทุกคนออกตามรอยเสือไป ไม่มีแม้แต่รอยเลือดของเสือคงมีแต่เลือดของเหยื่อเท่านั้นปืนของนายพรานคงทำอะไรมันไม่ได้เลยเหรอ ข่าวเสือร้ายบุกเข้าไปคาบสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน นายอำเภอและตำรวจได้ออกมาช่วยไล่ล่าเสือแต่ไม่มีวี่แววของเสือมาให้เห็นเลย จนกระทั้งออกพรรษา ทุกคนลงความเห็นว่ามันคงแผ่นไปไกลไม่มาในหมู่บ้านนี้แล้ว ต่างคนก็ดีใจที่จะได้ไม่ต้องขวัญหนีดีฝ่อกันอีกแล้วต่างประกอบอาชีพกันตามปกติ หลังจากออกพรรษาไปได้ ๓ วัน ลูกสาวของพรานคงเอาขนมไปให้ยายที่บ้านท้ายทุ้ง ก็ถูกเสือคาบเอาไปกิน ร่องรอยเสือแทะจนเหลือแต่กระดูก ตับไตไส้พุงหายเกลี้ยง มันต้องเป็นเสือตัวเดียวกับตัวเดิมนั้นเอง

ชาวบ้านมะแว้งต้องขวัญเสียอยู่กันอย่างหวาดผวาอีกครั้ง และไม่กี่วันถัดมา มีเด็กถูกเสือคาบเอาไปกินอีก.... เป็ดไก่วัวควายก็เริ่มหายไป ในที่สุดพวกชาวบ้านก็อบพยพหนีเสือกับจนเกือบจะหมดหมู่บ้าน พากันทิ้งข้าวในนาที่กำลังออกรวงเหลืองหร่าม

ท่ามกลางความเงียบและน่ากลัว ได้มีเกวียนเทียมวัวบรรทุกขายสินค้าพาสองสามีภรรยาวัยชราผ่านมาพบกับชาวบ้านชุดสุดท้ายที่เตียมอพยพลูกเมียออกจากหมู่บ้าน พอชายชราเห็นดังนั้นจึงได้ถามไถ่ได้ความมาว่าเสือร้ายได้มีก่อกวนจนเหลือทนแล้ว พ่อเฒ่าทั้งสองก็เหมือนกันต้องรีบออกไปจากหมู่บ้านนี้ก่อนมืดค่ำเดี๋ยวจะไม่ทันการ

ชายชราได้ฟังแล้วก็พูดขึ้นว่านี้ก็เย็นแล้วเห็นจะไม่ทันแล้ว และได้ขอร้องขอให้ทุกคนอยู่แต่ในที่พัก หากว่าคืนนี้มีเสียงอึกทึกครึกโครมอะไรห้ามออกมาดูและส่งเสียงเป็นอันขาด ยายได้ไปชวนพวกผู้หญิงทำอาหารเย็นไว้กินกันก่อนที่จะมืด ฝ่ายตาก็ได้เข้าไปทำพิธีในเกวียน

คืนวันเพ็ญเดือน ๑๒ แสงจันทร์ได้สาดส่องให้เห็นอะไรในตอนคืนได้เหมือนกับกลางวัน เวลาผ่านไปเลยเที่ยงคืนลูกเด็กเล็กแดงได้นอนหลับกันหมดแล้วยังคงมีแต่พวกผู้ใหญ่ที่คอยเงี่ยหูฟังว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น และทุกคนต่างก็สดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาด เหมือนเสียงวัวควายชนกัน กลางแสงจัทนร์นั้น ควายสีดำเป็นมันล่ำพี ๒ ตัว กำลังต่อสู่กับเสือขนาดมหึมา ควายตัวหนึ่งนั้นถูกแรงตบจากเสือกระเด็นกระดอนไปแต่ควายอีกตัวกระโจรเข้าขวิดทันทีเมื่อเสืองับคอควายตัวที่กระเด็น นอกจากจะไม่ระคายหนังควายแล้ว เสือยังถูกแรงสบัดหลุดกระเด็นแถมถูกซ้ำด้วยการขวิดของควายอีกตัวเข้าด้านหลัง ในที่สุดเสือพยายามหนีเพราะควาย ๒ ตัวรุมเสืออย่างไม่ให้ตั้งตัวติด

และในที่สุดควายตัวหนึ่งพุ่งชน ร่างเสือกระเด็นลอยสูงไปตกบนหลังคากระท่อม จากนั้นมันกระโจนหายไปอย่างไม่รู้ทิศทาง และไม่มีใครรู้ว่ามันไปไหน ควายสองตัวเดินสบัดหัวสะบัดหางเฉียดกระเกวียนสองตายายแล้วร่างของควายทั้งสองก็หายวับจากสายตาที่จ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ

รุ่งเช้าพวกชาวบ้านที่ยังเหลืออยู่ได้พากันดีใจ ได้เตียมอาหารหวานคาวเพื่อไปทำบุญเพราะเรื่องร้าย ๆ ได้มลายหายไปแล้วชาวบ้านไม่ลืมที่ไปชวนสองตายายไปใส่บาตรด้วยกัน และพวกชาวบ้านได้พากันตะลึงอ้าปากค้างก้าวขาไม่ออกเพราะภาพที่เห็น

ที่หน้ากุฏิร่างของของหลวงตานอนหายใจระรวย ตามตัวมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง เลือดสด ๆ ไหลโกรกออกมาจากบาดแผล ตามร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือด จมูกและปากก็มีเลือดไหล อะไรหรือนั้นที่ท่อนล่างตั้งแต่ท่อนเอวลงไป เป็นร่างของเสือลายพลาดกลอนเหลืองดำ หางสั่นระริกแสดงว่าใกล้จะสิ้นใจเต็มทนแล้ว

สายตาของหลวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย เหมือนจะบอกว่า มีใครบ้างอยากตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ทุกอย่างเป็นกฏของกรรม โดยแท้ เพราะเป็นพระแทนที่จะเจริญศีลภาวนากลับมุ่งร่ำเรียนแต่ เดียรัจฉานวิชา...ผลจึงออกมาเช่นนี้....

รายการบล็อกของฉัน