ค้นหา

ที่นี่มีผี..รวมเรื่องลึกลับสยองขวัญสั่นประสาทตาเหลือกตากลับ
บางทีก็น่ากลัวบางทีก็ไม่น่ากลัวรวมๆกันไป
ที่นี่เปิด รับทุกอย่างที่เกี่ยวกับผีๆวิญญาณ
ท่านใดชอบเรื่องผีหรือมีคลิปผีถ่ายติดวิญญาณ.. น่าสนใจ..
ติดต่อส่งตั้งกระทู้มาที่ ghost-in-manman ด้านข้างครับ
แนะนำข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเชิญได้ครับ
ดูเว็บ ghost-in-manman แล้วหาความรู้เพิ่มเติม..ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ครับ
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆที่ให้ความสนใจและ ให้ข้อมูลเรื่องน่ากลัวๆเรื่องประสบการณ์ทางวิญญาณ มาทางเราจะนำมาลงให้อ่านกันในครั้งต่อไปนะครับ.....
อย่าลืมดูเว็บ ghost-in-manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถไฟ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถไฟ แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีทำเมื่อคนอยากเห็นผี

[images.jpg]

* + ปรากฏการณ์ที่ 1: เยื่อกระจกตาคนตาย + * *
* *...ถ้าชีวิตของคุณตกอยู่ในโลกที่มืดมิด
และกำลังเสาะหาแสงสว่าง...
สำหรับหญิงสาวตาบอดที่เฝ้าฝันถึงโลกที่สวยงาม
การมองเห็นเฉกเช่นคนอื่น
ย่อมเป็นความปรารถนาที่เฝ้าคอย เพียงทว่าควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเลือกมองโลกผ่านมุมมองของคนที่ไม่รู้จัก จะเป็นสิ่งที่ดีเพราะมันอาจทำให้คุณได้เห็นและสัมผัสกับสิ่งที่คุณไม่อยากเจอเลยทั้งชีวิต
* * + คำเตือน :
เมื่อโลกแห่งวิญญาณที่ผ่านนัยน์ตาของคุณถูกเปิดแล้ว
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะหันหลังกลับ
* * +ปรากฏการณ์ที่ 2: คนท้องเห็นผี+ * *
* *...การเกิด และการตายคือ 2
สิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์ชั่วนิรันดร์…* *
* * มีหลายเหตุผลที่หลายคนไม่เคยล่วงรู้
สาเหตุของการดิ้นของลูกน้อย
ลูกเตะสำหรับมารดาที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์นำมาซึ่งปัจจัยในการเชื่อมโยงระหว่างโลกของคนเป็นและคนตายได้โดยไม่รู้ตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวที่กำลังตั้งท้องและคิดฆ่าตัวตาย * *
* * +คำเตือน :
สำหรับสาวใจแตกที่ตั้งท้องและกำลังคิดสั้นด้วยการกินยาเกินขนาด
* * +ปรากฏการณ์ที่ 3 : ผีถ้วยแก้ว + * *
* *...หากบ้านของคุณมีผีมากกว่าหนึ่งตน
มีอยู่ที่หนึ่งที่พวกมันจะไปอยู่รวมกัน... * *
* *แม้ว่าผีที่อยู่ในถ้วยมักมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น
แต่ส่วนใหญ่มักชอบความสันโดษ แต่ผีไม่ได้สิงในถ้วยทุกใบหากใบไหนมีผีสิงอยู่
ระหว่างมันออกหากิน ให้คว่ำถ้วยใบนั้นบนจานรองเสีย
เพื่อที่มันจะได้กลับเข้ามา
ไม่ได้ วิญญาณประเภทนี้สามารถรับรู้ถึงการปรากฏตัวของคนผ่านรอยสัมผัสถ้วย
หรือบางครั้งก็ในรูปของคราบที่ถูกทิ้งไว้บนใบชา หรือคราบกาแฟหากอยากรู้ถึงโชคชะตาให้จับคู่ถ้วยกับชามให้ถูกต้อง การที่จะได้พบพวกมัน
คุณต้องพยายามสอดส่ายตอนที่ไล่มันออกจากถ้วย
ผีมักจะทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงที่สิงสู่
และมักจะได้เห็นรอยแผลที่แสดงให้เห็นอยู่เสมอ
* * + คำเตือน : ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่
ให้เก็บรักษาถ้วยและชามที่เข้าชุดอย่างน้อยหนึ่งชุดไว้ในบ้านเสมอ
* * + ปรากฏการณ์ที่ 4: เสียงเรียกตอนอาหารมื้อดึก 
* *...อาหารเป็นของสำหรับสิ่งมีชีวิต
ดังนั้นผีจึงไม่สามารถกินอาหารได้
แต่ถ้าพวกมันลืมไปว่าสถานะของพวกมันคืออะไร
พวกมันก็จะต้องตายเพราะความหิวโหย...
คนที่ชะตาไม่ถึงฆาตมักมีความสับสน
จริงอยู่พวกมันอาจสำเหนียกว่าร่างกายดับสูญไปแล้ว
แต่พวกมันก็ยังไม่สามารถรับได้ว่า ตนเองตายไปแล้วจริงๆหากอยากมองเห็นวิญญาณพวกนี้
ให้นำอาหารไปวางไว้บริเวณจุดที่เพิ่งเกิดอุบัติเหตุ
หรือบริเวณทางแยกที่เป็นทาง 3-4 แพร่ง
หลังจากให้อาหารแล้วก็ให้เคาะหม้ออาหารด้วยช้อนส้อมหรือตะเกียบเสียงดังกล่าวจะทำให้วิญญาณตายโหงเหล่านั้นนึกว่าได้เวลาที่จะต้องกินอาหารแล้ว
* * +คำเตือน :
อย่าหยุดเคาะช้อนส้อมหรือตะเกียบจนกว่าอาหารจะหมดไปจากจาน
* * +ปรากฏการณ์ที่ 5 : เล่นซ่อนหา+ * *
* *...กำลังมองหาที่ซ่อนที่ไม่มีใครหาเจออยู่ใช่ไหม
ลองหลบอยู่หลังวิญญาณดูสิ…* *
* *ผีที่ยังตัดความเป็นคนไม่ขาดมักชอบสังเกตอะไรรอบตัวเสมอแม้ว่ารายการทีวียามดึก หรือการเล่นไพ่คือ สองสิ่งที่พวกมันโปรดปราน
แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่เทียบเท่ากับการเล่นซ่อนหา
การเล่นเกมแบบนี้ในสวนสาธารณะตอนกลางคืน
ถ้าให้ดีลองเล่นในบริเวณสุสานดูซิ
มักมีผีขี้เล่นเข้ามาร่วมสนุกอยู่เสมอ
โดยพวกมันมักจะช่วยบังผู้เล่นคนใดคนหนึ่งไว้
วิญญาณพวกนี้จะบังไม่ให้คนซ่อนได้เห็นภาพเบื้องหน้าหากไม่มีแมวดำผ่านเข้ามา
คุณก็จะไม่เห็นอะไรอีกต่อไป
* * +คำเตือน : ให้สวมนาฬิกาข้อมือทุกครั้งที่เล่นเกมนี้
ความคิดเห็นที่ 8
* * +ปรากฏการณ์ที่ 6: ดินฝังศพป้ายตา + * *
* *….การจะได้เห็นวิญญาณกับตา
คุณต้องหาดินที่ฝังร่างพวกมันให้ได้เสียก่อน…* *
* * ดินมักจะซึมซับเอาวิญญาณของศพที่เพิ่งตายใหม่ๆ
ดินที่อยู่ลึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งซึมซับวิญญาณมากเท่านั้น ดินที่สกปรกหากป้ายดินดังกล่าวที่บริเวณตา จะทำให้เห็นว่าผีกำลังทำอะไรอยู่
จงอย่าทำอย่างที่ว่าบริเวณที่ผีชุมนุมกันอยู่
เพราะพวกมันจะพาคุณไปอยู่กับมัน
* * + คำตือน : ให้อยู่ห่างจากแสงสีขาวสว่างจ้าเอาไว้
* * +ปรากฏการณ์ที่ 7 : เงามืดในกระจก+ * *
* * ...บางครั้งมันก็อยู่ใกล้ตัว กว่าที่คุณคิด เงามืดผ่านกระจกยามเที่ยงคืน * *
* * เสียงนาฬิกาดังตี 12 ครั้งพึงจำไว้ว่า
ถึงเวลาที่ใครบางคนรอพบคุณอยู่ เพียงหยิบหวีที่คุ้นเคยนั่งลงตรงหน้ากระจกปิดไฟให้มืดมิด จุดเทียนให้เห็นความสว่างเพียงรำไร
จ้องมองตัวเองที่หน้ากระจก แล้วเริ่มต้นหวีผม
จับตาดูให้ดีบางสิ่งบางอย่างจ้องมองมาที่คุณผ่านเงาสะท้อนมืดก็จะเห็นผีผ่านกระจก
* * + คำตือน : อย่าแปลกใจที่ในกระจกอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณคุ้นเคย
* * +ปรากฏการณ์ที่ 8 : เงามรณะ + * *
* *...ข้อห้ามบางอย่างพึงจำไว้
อาจมาจากประสบการณ์ที่ปราศจากลมหายใจ..
* *
* * เงาทุกเงาล้วนมีที่มา เฉกเช่กในระหว่างที่คุณเดินทางหรืออยู่แห่งหนใดภายใต้ชายคา หรืออาคาร ระวังให้ดีถ้ามีร่มอยู่ในมือคนไม่เชื่อหลายคนล้วนอาจประสบการณ์สยองมาแล้ว จากความคะนองกางร่มในมืดเงามรณะจะถามหาและติดตามคุณไปตลอดกาล
* * +คำเตือน : สัมผัสสยองที่ไม่เกี่ยงเพศ และวัย
ถ้าใจไม่แข็งอย่าลอง
* * +ปรากฏการณ์ที่ 9 : หว่างขา + * *
* *…คือ ช่องทางจากโลกนี้สู่อีกโลกหนึ่ง...โลกของคนตาย * *
* *คนเราอาจจำไม่ได้แล้วว่าเราเกิดขึ้นมาในโลกนี้ได้อย่างไรแต่แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าตัวเองเองออกมาจากหว่างขาแม่ของเราหากอยากมองเห็นโลกอีกโลกหนึ่งให้ลองก้มมองลอดหว่างขาตัวเองดู
แต่อย่ามองนานจนคนในอีกโลกที่เราเห็นรู้ตัวเข้า
เพราะคุณอาจถูกลากเข้าไปในโลกของมันเพื่อเกิดใหม่
* * +คำเตือน : ผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องระวัง ยกเว้นเฉพาะคนท้อง
* * +ปรากฏการณ์ที่ 10 : ชุดงานศพ + * *
* *…ลองสวมชุดคนตาย ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาตายดูซิ
แล้วลองกลั้นลมหายใจดู การเดินทางสู่ปรโลกจักเริ่มต้น …* *
* * หากอยากรู้ว่าภพหน้าเป็นอย่างไร ก็ลองจัดงานศพปลอมๆให้ตัวเองด้วยการขอยืมโลงศพจากคนตายที่รอฌาปนกิจมาลองนอนดู
จงอย่าลืมนำเหรียญติดตัวไปด้วยหลายๆ เหรียญ
เพราะการลองทำเช่นนั้นคุณจะต้องจ่ายด้วยอะไรบางอย่าง
ข้อปฎิบัติ
• ทุกวิธีต้องทำระหว่าง 4 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน และต้องไม่เลยเที่ยงคืนเพราะจะถือว่าเป็นวันใหม่
•ทุกวิธีห้ามใส่พระยกเว้นวิธีที่ 8
•วันที่ทำแล้วมีโอกาสเห็นได้ง่ายสุดคือวันพุธและ วันศุกร์และวันอาทิตย์
•ทุกวิธีอาจจะให้คนอื่นอยู่ด้วยก็ได้ยกเว้นบางวิธีที่จะระบุบว่าคุณต้องทำคนเดียว
•ทุกวิธีต้องหลับตาหากคุณเปลี่ยนใจไม่อยากเห็น ให้เอาอุปกรณ์ทุกอย่างออก แล้วค่อยลืมตา
วิธีที่1*“มองลอดใต้หว่างขา” (เห็นผี 21 คน)
1. นำใบไม้ (จากต้นใดก็ได้) ที่ร่วงลงมาจากต้นไม้ ต้องเป็นของต้นนั้นจริง ๆ และร่วมลงมาไม่ห่างจากลำต้นมากนัก หากอยู่ใกล้รากจะยิ่งดี
2. ยืนในที่โล่ง และต้องมองเห็นพระจันทร์ หันหน้าไปทางทิศตะวันออกหันหลังไปทางทิศตะวันตก (เพื่อเวลาก้มจะได้ก้มไปทางทิศตะวันตก
3. นำใบไม้ที่เก็บมา เอาไว้ในฝ่ามือ (จะทำมืออย่างไรก็ได้ แต่ห้ามพนมมือ)
4. หมุนตัวตามเข็มนาฬิกา (หมุนซ้าย) ช้า ๆ เมื่อมาหยุดที่เดิม (ทิศตะวันออกที่หันหน้าไว้ตั้งแต่แรก) ให้ท่องว่า“พุทโธทายะ” (เหมือนผีถ้วยแก้วเลย) ทำแบบนี้ 3 รอบ (ท่อง 3 ครั้งด้วย)
***เพื่อให้เห็นภาพ*** 
รอบที่1 ยืนหันไปทางทิศตะวันออก หมุนซ้ายไปจนมาหยุดที่จุดเริ่มต้นแล้วท่องว่า
“พุทโธทายะ” และทำต่อไป รอบที่ 2 และรอบที่3
5. หลับตานึกถึงใบไม้ที่อยู่ในมือ กับต้นเจ้าของใบไม้ แล้วให้คิดว่าใบไม้ในมือ คือพลังงานอย่างหนึ่งที่จะเรียกวิญญาณมาได้ และนึกเอาว่าใบไม้นี้ได้ตายไปแล้วจึงได้หลุดมาจากต้นไม้ เพราะฉะนั้นเราติดต่อกับวิญญาณได้เหมือนที่ติดต่อกับใบไม้ที่ตายแล้วใบนี้
6. ค่อย ๆ ก้มหน้าลง (ระหว่างนี้ห้ามลืมตาเด็ดขาด) เมื่อคุณก้มและพร้อมแล้ว “ให้ตั้งสติดี ๆ” แล้วลืมตา
7. แล้วผีจะมาให้เห็น

***หากเห็นอะไรห้ามวิ่ง ไม่ว่าสิ่งที่เห็จะอยู่ไกล หรือมาประจันหน้าก็ตาม ต้องทำตามนี้ก่อน***
1. เงยหน้าขึ้น ทิ้งใบไม้ลงพื้นทันที
2. หมุนตัวทวนเข็มนาฬิกา (หมุนย้อนกลับไปทางขวานั่นเอง) 3 รอบ โดยไม่ต้องท่องอะไรเลย
3. เมื่อกลับถึงบ้านต้องล้างหน้า 3 ครั้ง ก่อนล้างให้ท่อง “พุทโธ” แล้วเป่าลมลงน้ำจึงค่อยล้างหน้าทำแบบนี้ 3 ครั้ง ::
วิธีที่2*“ตัดเล็บตอนกลางคืน” (เห็นผี 12 คน)
***ขอย้ำเลยวิธีนี้ ต้องทำระหว่าง 4 ทุ่ม ถึง เที่ยงคืน เพราะต้องไม่ให้โพล้เพล้ หรือ เป็นวันใหม่”***
1. ตัดเล็บมือเท่านั้น โดยเริ่มจากนิ้วก้อย ,นิ้วโป้ง ,นิ้วนาง ,นิ้วชี้ และนิ้วกลาง (ตัดจากนอกเข้าในนั่นเอง)
โดยเริ่มตัดจากมือขวาก่อน และทำแบบเดียวกันกับมือซ้าย
*เล็บที่ตัดห้ามหักหรือขากเด็ดขาดต้องเป็นโค้งตามรูปเล็บ มิเช่นนั้นจะไมได้ผล*
2. น้ำเศษเล็กที่ตัดห่อใส่ผ้าอะไรก็ได้แต่ต้องเป็นสีดำ (ต้องใช้แล้ว ไม่ใช่ผ้าใหม่)
3. นำไปวางไว้ทางทิศตะตก (เช่นเคย) ของที่พักอาศัย
4. เมื่อคุณเข้านอนได้ไม่นาน จะมีคนมานั่งตัดเล็บอยู่ตรงปลายเท้าที่คุณนอน (เสียงดัง “แก๊กๆ” นั่นแหละ) เป็นการตัดเล็บของเค้ามาคืนคุณ
5. ถ้าอยากเห็นก็ลืมตาแต่ห้ามโวยวาย เพราะเขาจะไปแล้วคุณอาจจะซวยได้ (เพราะถือว่าเค้ามาดี โดยที่เขาคิดว่าเราเอาเล็บไปแลก หรือไปเล่นกับเขา แล้วเขาก็เลยเอาของเขามาคืน
6. เมื่อคุณตื่นในตอนเข้า ให้ไปยังจุดที่คุณเอาเล็บไปวางไว้ คลี่ห่อผ้าออก จะพบเล็บของคนอื่นไม่ใช่ของคุณ
7. ให้คุณพูดเบา ๆ ว่า “ขอบคุณ” แล้วเอาไปฝังไว้ที่ใดก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่พักอาศัยของคุณ (แต่ห้ามทิ้งหรือเผาโดยเด็ดขาด)
วิธีที่3*“หันหลังให้กระจกแล้วกลืนน้ำลาย” (เห็นผี 16 คน)
- วิธีนี้ต้องทำคนเดียวเท่านั้น
- วิธีนี้ต้องทำก่อนเที่ยงคืน 6 นาที
- นาฬิกาที่คุณใช้เป็นเกณฑ์ในกาวัด ให้ยึดเรือนใดเรือนหนึ่งในบ้านได้เลย
1. ยืนหันหลังให้กระจก (ครั้งนี้จะทิศใดก็ได้) ตอนเวลา 5 ทุ่ม 54 นาที
2. กลืนน้ำลาย 1 ครั้ง ทุก ๆ 1 นาที
3. พอครบ 6 นาที หมายความว่าคุณกลืนน้ำลายไปแล้ว 6 ครั้ง และถึงเวลาเที่ยงคืนพอดี
4. หลับตาแล้วหันไปทางกระจก (จะหันซ้ายหรือขวาก็ได้แต่ช้า ๆ) แล้วกลืนน้ำลายอีกครั้ง (เป็นครั้งที่7)
แล้วลืมตา และผีจะมาให้เห็น
5. เมื่อคุณต้องการยุติพิธี ให้หลับตากลืนน้ำลายอีกครั้ง เป็นอันจบพิธี
*วิธีที่4* “ดีดลูกคิดตอนกลางคืน” (เห็นผี 32 คน)
- ลูกคิดที่ใช้ดีด ให้ดีดอันที่มีรางยาวที่สุดเท่านั้น
- ต้องอยู่คนเดียว เพราะต้องใช้สมาธิอย่างมาก
1. ให้ลูกคิดทุกลูก ในทุกรางอยู่สุดรางที่หันมาหาตัวเรา
2. ดีดีลูกคิดขึ้นโดยให้ลูกคิดออกจากตัวทีละลูก(ต้องมีสมาธิมากๆ) ไล่ไปตั้งแต่รางแลก ไปจนรางสุดท้าย
3. ตั้งสมาธิให้ดีอย่างมาก แล้วจับรางลูกคิดตั้งขึ้น ให้ลูกคิดวิ่งกลับมาที่เดิมในตอนแรก
4. มองรอดช่องรางลูกคิด(รางใดก็ได้) แล้วผีก็จะมาให้เห็น
5. หลังจาการทำเรียบร้อยแล้ว ให้ทิ้งลูกคิดนั้นทันที *ห้าม* นำกลับมาใช้อีกเป็นเป็นอันขาด
วิธีที่5* “เอามุ้งคลุมหัวตอนกลางคืน” (เห็นผี 6 คน)
1. เอามุ้งมาครอบหัวไว้ (หลับตาตั้งแต่ก่อนคลุมแล้ว)
2. ท่อง มะ-อะ-อุ 7 ครั้ง (อย่าลืมว่าต้องหลับตา)
3. ลืมตา แล้วผีจะมาให้เห็น
วิธีที่6* “ใส่เสื้อกลับแล้วนอนห้อยหัว” (เห็นผี 31 คน)
- ต้องทำคนเดียว
1. ใส่เสื้อโดยการเอาข้างหลังมาอยู่ข้างหน้า (ถ้ามีกระดุม ก็เอากระดุมไว้ขางหลังนั่นเอง)
2. นอนลงบนที่นอนที่สูงกว่าพื้น แล้วห้อยหัวลงมอง (เหมือนแหงนหน้า)
3. แล้วผีจะมาให้เห็น
*วิธีที่7* “แหงนหน้ามองตรงบันได” (เห็นผี 42 คน)
- ต้องทำคนเดียว
1. นั่งบนบันไดชั้นบนสุด แล้วลงมาทีละขั้นทั้งที่ยังนั่งอยู่ (ใช้ก้นลงบันได้นั่นเอง)
2.เมื่อถึงขั้นสุดท้าย ให้ยังคงนั่งอยู่ที่ขั้นสุดแล้ว แล้วจึงแหงนหน้ามองกลับขึ้นไปชั้นบนสุด
3. แล้วผีจะมาให้เห็น
*วิธีที่8* “สวมพระกลับหลัง” (เห็นผี 28 คน)
- ต้องทำคนเดียว
1. สวมพระโดยคล้องสร้อยพระไว้ด้านหลัง(ให้เหมือนที่อยู่ด้านหน้าเลย)
2. ยื่นแขนซ้ายออกไปข้าง ๆ แล้วทำมุมข้อศอกโดยให้กำปั้นทิ่มลงพื้น และให้ข้อศอกตั้งฉากกับพื้น
3. มองลอดผ่านช่องแขน แล้วจะเห็นผี

• 10วิธีเห็นผี
ข้อ1 นำตะปูโรงศพแขวนคอแล้วเดินวนรอบสถานที่ที่พิสูจน์3รอบแล้วก้มดูระหว่างขา
ข้อ2 นำอาหารและของหวานต่างๆและเคาะรอบจอน3รอบและกินของเส้นและก้มมองดูระหว่างขา
ข้อ3 นำตะปูโรงศพมาตอกไว้หน้าประตูห้องที่จะเล่นแล้วเล่นผีถ้วยแก้ว
ข้อ4 ต้องใช้ 2 คนคนหนึ่งคาบธูปคนหนึ่งถือธูป คนที่คาบธูปนั่งหรือนอนตรงที่ที่คนตาย
คนที่ถือก็นั่งห่าง 1 ก้าวแล้วท่องคาถาเรียกผี
ข้อ 5 ต้องใช้2คนคนหนึ่งนอนในโรงคนหนึ่งท่องคาถาเรียกผีแต่ต้องนอนในโรงศพใหม่ๆที่ยังไม่มี
คนตาย คนที่นอนต้องถือดอกไม้เหมือนคนตาย
ข้อ 6 นำขี้เถ้าโรงศพมาป้ายตาแล้วท่องคาถาเรียกผี
ข้อ 7 นำของของคนตายมาวางไว้ข้างหน้าตัวเราแล้วท่องคาถาเรียกผี
ข้อ8 นั่งสมาธิให้ใจสงบว่างเปล่าก่อนแล้วผีจะมาเอง
ข้อ 9 นอนถือดอกไม้เหมือนคนที่ตายแล้วในห้องเปลี่ยวๆแต่ที่ที่มีคนตายเท่านั้น
ข้อ10 นั่งในห้องที่มีคนตายอยู่ในตอนกลางคืนแล้วท่องคาถาเรียกผี
(คาถาเรียกผี "สัมภเวสี จุตินัง" ท่อง3ครั้ง)
credit by xchange.teenee.com ครับ

เรื่องเล่าของเดียรัจฉานวิชา

[images.jpg]
เล่าเรื่องเดรัจฉานวิชา
ก่อนจะเข้าพรรษาประมาณเดือน พฤษภาคม ก่อนฝนจะมาชาวบ้านมะแว้ง ได้มีโอกาสต้อนรับพระภิกษุสงฆ์สูงอายุราว ๆ ๖๐ เศษ ท่านได้ธุดงค์ผ่านมา ท่านปรารภว่า " เข้าพรรษาปีนี้อาตมาประสงค์จะจำวัดที่หมู้บ้านมะแว้งแห่งนี้ " พุทธบริษัทต่างปรีดาปราโมทย์เป็นยิ่งนัก จึงพร้อมใจกันสร้างกุฏิขึ้น ๑ หลัง เลือกสถานที่เริ่มแม่น้ำเพราะเห็นวิเวกดีเขตชายแดนติดต่อประประเทศเขมรของภาคเหนือแห่งหนึ่ง เส้นทางแสนจะลำบากลำเค็ญในทุก ๆ ฤดู เป็นเวรกรรมของผู้ที่ใช้เส้นทางนี้ หมู่บ้านมะแว้ง ตั้งอยู่กลางดงไม้อันหนาแน่นไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดเป็นผู้ริเริ่มในการมาลงหลักปักฐาน ถึงแม้นจะเป็นกลางดงลึก แต่ก็มีผู้คนอาศัยอยู่เกือบ ๕๐ หลังคาเรือน อาจจะเป็นเพราะดินค่อนข้างต่ำ น้ำค่อนข้างชุ่ม จากต้นน้ำหลาย ๆ สายของทิวเขาตลอดชายแดน

ชาวบ้านมะแวังมีอุปนิสัยชอบในการทำบุญ ถึงแม้จะเป็นหมู่บ้านที่ยากจนแต่ทุกคนมีศีลธรรมรักใครกรมเกียวกันดี จึงทำให้หลวงพ่อพระธดงค์ได้พำนักอย่างสบายใจ ในพรรษาชาวบ้านได้อยู่เย็นเป็นสุขกันมา จนกระทั้งผ่านมาถึงเดือนสุดท้ายก่อนออกพรรษา ข้าวในนาตั้งรวง อากาศเย็นเริ่มโชยมา ท้องฟ้าที่เคยมืดมิดเพราะเมฆฝนหายไป มีแต่ปุยฝ้ายเข้ามาแทนที่ ท้องฟ้าสีเงิน ตัดเมฆงามตายิ่งนัก แต่น้ำในห้วยเริ่มขาดแคลน
แล้วข่าวร้ายก็ได้กระจายทั่วหมู่บ้าน หมูแม่พันธุ์ที่มีอยู่ตัวเดียวของนายมิ่ง ที่เลี้ยงไว้ไต้ถุนบ้าน ได้หายไปในตอนกลางคืน นายพรานคงชี้ชัดบอกว่า เสือมาคาบเอาไปกินเพราะบริเวรรอบบ้านมีรอยเท้าเสือเกลือนไปหมด ตั้งแต่นั้นมาวัวควายก็ทยอยหายไปเรื่อย ๆ แม้แต่สัตว์เล็กอย่างเป็ดไก่ก็พลอยหายไปด้วยเป็นที่หวาดผวาของชาวบ้านมะแว้ง ใครมีวัวมีควายต่างก็นำมาผูกรวมกันไว้คอกกลางหมู่บ้านและได้ก่อไฟเปลี่ยนเวรยามกันอย่างแน่นหนา

พอค่ำหน่อยต่างก็ปิดประตูหน้าต่างกันเงี่ยบไม่ได้ยินแม้แต่เด็กที่ร้องให้เพราะกลัวเสือมันจะมาคาบเอาไปกิน ใครจะมีธุระกลางค่ำกลางคืนมาจะไม่คนเป็นประตูรับเป็นอันขาด ถ้ามีปวดท้องก็กลั้นเอากลั้นไม่อยู่ก็จะต้องมีคนมาคุมไม่น้อยกว่า ๓-๖ ยืนคุมพร้อมด้วยอาวุธที่มี.. ส่วนมากจะไม่มีใครกล้าลงจากบ้านกันเลย

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ชาวบ้านมะแว้งต้องสยองขัวญเพราะเสือได้คาบหมูของนายอินนางจันทร์สองสามีภรรยาเอาไปกิน หมาเลี้ยงไว้หลายตัวแต่ละตัวล้วนแต่ดุ ๆ เห่าเก่ง วันที่เกิดเหตุต่างไม่มีตัวไหนเลยที่จะส่งเสียงมาเตือน พวกมันมัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกัน พรานคงได้นำชายหนุ่มฉกรรจ์ออกตามรอยเท้าเสือก็พบเศษซากของหมูเกลื่อนกลาดไปเป็นทาง

อีกหนึ่งอาทิตย์จะออกพรรษาหัวหน้าชาวบ้านเรียกลูกบ้านมาประชุมกันถึงเรื่อง งานบุญปีนี้จะเอาอย่างไรกันดีเพราะได้มีเสือเข้าในหมู่บ้าน และได้มีผู้กล้าหาญ ๕-๖ อาสาออกไปจัดการกับเสือร้ายโดยนายพรานคงเป็นหัวหน้า พรานคงให้นายวินเป็นคนเอาหมูออกไปผูกล่อเสือตรงกลางทุ่งแล้วพวกขางพรานคงก็ทำคัดห้างที่ต้นไม้ใหญ่คอยจ้องมองว่าเสือมันจะมาคาบเอาหมูที่ผูกไว้เมื่อไหร

เสือมันก็รู้ตัวไม่ยอมโผลมาให้เห็น คืนที่สองก็แล้วจนกระทั้งคืนที่สาม ดวงจันทร์ขึ้น ๘ ค่ำแสงจากดวงจันทร์สว่างจ้า ลมเย็น ๆ เริ่มโรยตัวลงมาแต่เหล่านายพรานคงยังคงถือปืนจ้องไปที่หมูที่ผูกเอาไว้ เสียงจิ้งหรีดที่พากันร้องจ้าจนแสบแก้วหูพลันพาพร้อมใจกันหยุดร้องเงี่ยบกริบแม้แต่ลมก็พลอยจะหยุดไปด้วย ลมโชยมาอีกครั้งคราวนี้ได้กลิ่นสาบและร่างของเสือก็ปรากฏขึ้น หมูที่ผูกไว้มันรู้ว่าภัยได้มาถึงตัวมันแล้วมันดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อให้เชือกที่ผูกมัดไว้กับตอไม้หลุดออกแต่ก็ไม่พ้นจากกรงเล็บของเจ้าลายพลาดกลอนไปได้ นายพรานคงถึงกับผงะเพราะเสือตัวใหญ่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย พอตั้งสติได้จึงยกปืนแก๊ปเล็งและวาดกระบอกปืนไปที่ร่างของเสือ เสียงปืนดังสนั้นหวั่นไหว

ทุกคนเห็นชัด ๆ ว่าเสือกระเด็นกระดอนไปตามแรงของปืน แต่อะไรนั้นมันลุกขึ้นยืนสะบัดขนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และก็ได้คาบเอาเหยื่อแล้วเดินหายลับไปต่อหน้านายพรานคง ทุกคนตลึงอ้าปากค้าง

รุ่งเช้าทุกคนออกตามรอยเสือไป ไม่มีแม้แต่รอยเลือดของเสือคงมีแต่เลือดของเหยื่อเท่านั้นปืนของนายพรานคงทำอะไรมันไม่ได้เลยเหรอ ข่าวเสือร้ายบุกเข้าไปคาบสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน นายอำเภอและตำรวจได้ออกมาช่วยไล่ล่าเสือแต่ไม่มีวี่แววของเสือมาให้เห็นเลย จนกระทั้งออกพรรษา ทุกคนลงความเห็นว่ามันคงแผ่นไปไกลไม่มาในหมู่บ้านนี้แล้ว ต่างคนก็ดีใจที่จะได้ไม่ต้องขวัญหนีดีฝ่อกันอีกแล้วต่างประกอบอาชีพกันตามปกติ หลังจากออกพรรษาไปได้ ๓ วัน ลูกสาวของพรานคงเอาขนมไปให้ยายที่บ้านท้ายทุ้ง ก็ถูกเสือคาบเอาไปกิน ร่องรอยเสือแทะจนเหลือแต่กระดูก ตับไตไส้พุงหายเกลี้ยง มันต้องเป็นเสือตัวเดียวกับตัวเดิมนั้นเอง

ชาวบ้านมะแว้งต้องขวัญเสียอยู่กันอย่างหวาดผวาอีกครั้ง และไม่กี่วันถัดมา มีเด็กถูกเสือคาบเอาไปกินอีก.... เป็ดไก่วัวควายก็เริ่มหายไป ในที่สุดพวกชาวบ้านก็อบพยพหนีเสือกับจนเกือบจะหมดหมู่บ้าน พากันทิ้งข้าวในนาที่กำลังออกรวงเหลืองหร่าม

ท่ามกลางความเงียบและน่ากลัว ได้มีเกวียนเทียมวัวบรรทุกขายสินค้าพาสองสามีภรรยาวัยชราผ่านมาพบกับชาวบ้านชุดสุดท้ายที่เตียมอพยพลูกเมียออกจากหมู่บ้าน พอชายชราเห็นดังนั้นจึงได้ถามไถ่ได้ความมาว่าเสือร้ายได้มีก่อกวนจนเหลือทนแล้ว พ่อเฒ่าทั้งสองก็เหมือนกันต้องรีบออกไปจากหมู่บ้านนี้ก่อนมืดค่ำเดี๋ยวจะไม่ทันการ

ชายชราได้ฟังแล้วก็พูดขึ้นว่านี้ก็เย็นแล้วเห็นจะไม่ทันแล้ว และได้ขอร้องขอให้ทุกคนอยู่แต่ในที่พัก หากว่าคืนนี้มีเสียงอึกทึกครึกโครมอะไรห้ามออกมาดูและส่งเสียงเป็นอันขาด ยายได้ไปชวนพวกผู้หญิงทำอาหารเย็นไว้กินกันก่อนที่จะมืด ฝ่ายตาก็ได้เข้าไปทำพิธีในเกวียน

คืนวันเพ็ญเดือน ๑๒ แสงจันทร์ได้สาดส่องให้เห็นอะไรในตอนคืนได้เหมือนกับกลางวัน เวลาผ่านไปเลยเที่ยงคืนลูกเด็กเล็กแดงได้นอนหลับกันหมดแล้วยังคงมีแต่พวกผู้ใหญ่ที่คอยเงี่ยหูฟังว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น และทุกคนต่างก็สดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาด เหมือนเสียงวัวควายชนกัน กลางแสงจัทนร์นั้น ควายสีดำเป็นมันล่ำพี ๒ ตัว กำลังต่อสู่กับเสือขนาดมหึมา ควายตัวหนึ่งนั้นถูกแรงตบจากเสือกระเด็นกระดอนไปแต่ควายอีกตัวกระโจรเข้าขวิดทันทีเมื่อเสืองับคอควายตัวที่กระเด็น นอกจากจะไม่ระคายหนังควายแล้ว เสือยังถูกแรงสบัดหลุดกระเด็นแถมถูกซ้ำด้วยการขวิดของควายอีกตัวเข้าด้านหลัง ในที่สุดเสือพยายามหนีเพราะควาย ๒ ตัวรุมเสืออย่างไม่ให้ตั้งตัวติด

และในที่สุดควายตัวหนึ่งพุ่งชน ร่างเสือกระเด็นลอยสูงไปตกบนหลังคากระท่อม จากนั้นมันกระโจนหายไปอย่างไม่รู้ทิศทาง และไม่มีใครรู้ว่ามันไปไหน ควายสองตัวเดินสบัดหัวสะบัดหางเฉียดกระเกวียนสองตายายแล้วร่างของควายทั้งสองก็หายวับจากสายตาที่จ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ

รุ่งเช้าพวกชาวบ้านที่ยังเหลืออยู่ได้พากันดีใจ ได้เตียมอาหารหวานคาวเพื่อไปทำบุญเพราะเรื่องร้าย ๆ ได้มลายหายไปแล้วชาวบ้านไม่ลืมที่ไปชวนสองตายายไปใส่บาตรด้วยกัน และพวกชาวบ้านได้พากันตะลึงอ้าปากค้างก้าวขาไม่ออกเพราะภาพที่เห็น

ที่หน้ากุฏิร่างของของหลวงตานอนหายใจระรวย ตามตัวมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง เลือดสด ๆ ไหลโกรกออกมาจากบาดแผล ตามร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือด จมูกและปากก็มีเลือดไหล อะไรหรือนั้นที่ท่อนล่างตั้งแต่ท่อนเอวลงไป เป็นร่างของเสือลายพลาดกลอนเหลืองดำ หางสั่นระริกแสดงว่าใกล้จะสิ้นใจเต็มทนแล้ว

สายตาของหลวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย เหมือนจะบอกว่า มีใครบ้างอยากตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ทุกอย่างเป็นกฏของกรรม โดยแท้ เพราะเป็นพระแทนที่จะเจริญศีลภาวนากลับมุ่งร่ำเรียนแต่ เดียรัจฉานวิชา...ผลจึงออกมาเช่นนี้....

รายการบล็อกของฉัน