“ศรีษะ” ที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์
เมื่อ “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ (Charles II of England)” ได้ขึ้นครองราชย์ในฐานะพระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษในปีค.ศ.1660 (พ.ศ.2203) สิ่งแรกที่พระองค์ทรงทำ ไม่ใช่การคิดนโยบายในการปกครองประเทศ
หากแต่พระองค์ทรงคิดบัญชีกับคนที่เคยทำไม่ดีต่อพระองค์
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ในปีค.ศ.1649 (พ.ศ.2192) พระราชบิดาของพระองค์ นั่นคือ “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ (Charles I of England)” ได้ถูกนำองค์ขึ้นศาล และถูกตัดสินให้ประหาร
ผู้ที่ทำการจับกุมและตัดสินพระราชบิดาของพระองค์ คือกลุ่มสมาชิกรัฐสภา นำโดย “โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ (Oliver Cromwell)”
ภายหลังจากที่พระราชบิดาถูกประหาร พระองค์ก็ถูกเนรเทศไปยังภาคพื้นยุโรป
การสวรรคตของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 และการขึ้นสู่อำนาจของครอมเวลล์ ทำให้อังกฤษอยู่ในยุคที่ปราศจากพระประมุข ไม่มีเจ้าอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง
แต่ในเวลาต่อมา เมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ได้เสด็จกลับมายังอังกฤษในปีค.ศ.1660 (พ.ศ.2203) และเรืองอำนาจอีกครั้ง สิ่งแรกที่พระองค์ทรงทำ คือให้ทำลายเอกสารในทศวรรษก่อนให้สิ้นซาก ทำให้ดูเหมือนว่าพระองค์ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดาทันทีในปีค.ศ.1649 (พ.ศ.2192)
ภายหลังจากทำลายเอกสารทุกอย่างจนสิ้นซาก พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ขุดหลุมฝังศพของครอมเวลล์ ซึ่งในเวลานั้นเสียชีวิตไปแล้ว และได้รับการฝังศพอย่างสมเกียรติ
ศพของครอมเวลล์ถูกขุดขึ้นมา และพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ก็ทรงมีรับสั่งให้นำศพของครอมเวลล์ไปแขวนคอยังจุดที่พระราชบิดาของพระองค์ถูกประหาร
เท่านั้นยังไม่พอสำหรับพระองค์ พระองค์ยังทรงมีรับสั่งให้ตัดหัวของศพครอมเวลล์ และนำหัวไปเสียบประจาน หยามเกียรติครอมเวลล์สุดขีด
หัวของครอมเวลล์ที่ถูกเสียบประจาน เป็นเสมือนสิ่งที่ข่มเหล่านักปฏิวัติ ให้ไม่กล้าคิดจะก่อกบฏหรือคิดร้ายต่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2
ในเวลาต่อมา ได้เกิดพายุขนาดใหญ่ในราวปีค.ศ.1685 (พ.ศ.2228) ทำให้หัวของครอมเวลล์ตกลงมา และหัวของครอมเวลล์ก็กลายเป็นเสมือนเครื่องราง ทำให้หลายคนแอบเก็บหัวของครอมเวลล์ และก็เปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ เป็นเวลากว่า 300 ปี
หัวของครอมเวลล์นั้นถูกเปลี่ยนมือมาเรื่อยๆ จนในที่สุด ค.ศ.1960 (พ.ศ.2503) หัวของครอมเวลล์จึงถูกฝังในบริเวณของมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ หากแต่ก็ไม่มีการยืนยันว่าหัวที่ฝังนั้นเป็นหัวของครอมเวลล์จริงๆ อีกทั้งยังไม่มีการตรวจสอบดีเอ็นเออีกด้วย