ค้นหา

ที่นี่มีผี..รวมเรื่องลึกลับสยองขวัญสั่นประสาทตาเหลือกตากลับ
บางทีก็น่ากลัวบางทีก็ไม่น่ากลัวรวมๆกันไป
ที่นี่เปิด รับทุกอย่างที่เกี่ยวกับผีๆวิญญาณ
ท่านใดชอบเรื่องผีหรือมีคลิปผีถ่ายติดวิญญาณ.. น่าสนใจ..
ติดต่อส่งตั้งกระทู้มาที่ ghost-in-manman ด้านข้างครับ
แนะนำข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเชิญได้ครับ
ดูเว็บ ghost-in-manman แล้วหาความรู้เพิ่มเติม..ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ครับ
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆที่ให้ความสนใจและ ให้ข้อมูลเรื่องน่ากลัวๆเรื่องประสบการณ์ทางวิญญาณ มาทางเราจะนำมาลงให้อ่านกันในครั้งต่อไปนะครับ.....
อย่าลืมดูเว็บ ghost-in-manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ น่ากล้ว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ น่ากล้ว แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ผีเข้าสิง

ผีเข้าสิง
เมื่อผ่านช่วงเวลาของการสอบเอนทรานซ์มา ทุกคนคงจะจำภาพในบรรยากาศรับน้องได้ว่ามีแต่ความสนุกสนานเฮฮา และทำให้รุ่นพี่รุ่นน้องได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นแต่สำหรับบางคนคงจะไม่มี วันลืมวันนั้นได้เลย เรื่องราวเกิดขึ้นที่สถานที่ๆ เราไปยังจังหวัดกาญจนบุรี เป็นรีสอร์ทเล็กๆ

เพราะมันไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เลย แต่พวกพี่น้องต่างก็บอกกันว่า เหมาะเป็นสถานที่ไว้ก๊งเหล้าตอนกลางคืน และตอนช่วงบ่ายๆ หลังจากที่คนอื่นได้พาน้องๆไปตะลุยเข้าฐานต้อนรับน้องใหม่กันแล้วก็ถึง หน้าที่ของคนที่ต้องคอยจัดขั้นตอนพิธีการ และพวกเราทั้ง 5 คน ต้องไปตัดต้นกลัวยเพิ่ม เพื่อที่จะนำใบตองมาตกแต่งบายศรีเพิ่ม เพราะที่นำมาจากกรุงเทพฯ พออยู่บนรถก็มีความเสียหายไปบ้าง

ใน 5 คนนั้นมีตัวดิฉันเองและเพื่อนผู้ชาย ซึ่งเรียนรุ่นเดียวกัน 1 คน และยังมีรุ่นน้องตามไปด้วยอีก 3 คน เป็นหญิง 2 ชาย 1 พอเห็นว่าได้ที่ตัดต้นกล้วยแล้วต่างก็ยกมือขอเจ้าที่เจ้าทางว่าขอตัดใบตองไป เพื่อใช้ทำพิธีทำอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยไว้ก่อนจากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ ผู้ชาย 2 คนที่ต้องตัดต้นกล้วยพวกผู้หญิงจะมาช่วยกันแบกเฉยๆ แต่แล้วในที่สุดน้องผู้หญิงที่ไปด้วยคนหนึ่งกลับพูดว่า ทำไมต้นนี้ตัดยากตัดเย็นเสียจริง ยางก็เยอะ ซึ่งทุกคนก็บอกเออน่า !!! อย่าเที่ยวบ่นไปหน่อยเลย

แต่ใครจะไปรู้ว่าคำพูดของน้อง ผู้หญิงคนนั้นจะกลายเป็นความเดือดร้อน
ในเวลาต่อมาเพราะอยู่ๆ เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่เคยพบเจอ และไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกำลังจะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับน้องๆ จู่ๆ น้องคนนั้นก็มีอาการโวยวาย แล้วนั่งตัวสั่นขึ้นมา ทุกคนก็ไม่มีใครรู้สาเหตุว่าเธอเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร

บรรยากาศจากความเงียบสงบกลายมา เป็นความโกลาหลในทันที เพราะทุกคนนึกว่าเธอจะเป็นลมบ้าหมู หรือเป็นโรคอะไร ช่วยกันปฐมพยาบาลกันยกใหญ่ จนไปยุ่งกับเขามากมีการตวาดใส่มาว่า ไม่ต้องมายุ่งกับกู พวกแกทำอะไรลงไปทำไมไม่ขออนุญาตกูก่อน

ที่เคยนั่งล้อมกันเป็นวงกลมใหญ่ กลายเป็นกลุ่มเป็นก้อนกันหมดเพราะทุกคนต่างก็มากระจุกตัวเบียดเสียดอยู่ด้วย กันคราวนี้หัวหน้ารุ่นพี่ที่เหมือนเป็นคนดูแล ทุกคนพูดออกมาว่าตอนเย็นใครไปทำอะไรมาหรือเปล่า ได้ขอโทษเจ้าที่เจ้าทางหรือยัง จนดิฉันนึกถึงคำพูดของน้องผู้หญิงคนนั้นได้ รุ่นน้องคนหนึ่งได้ถอดสร้อยพระนำมาคล้องคอให้กับน้องผู้หญิงรู้สึกว่าน้อง เค้ามีอาการสงบเงียบลง แต่นั่งหน้าตาซึมตลอด จนตลอดทั้งคืนนั้นพวกรุ่นพี่เองก็นอนกันไม่ค่อยหลับทุกคน เลยตัดสินใจว่าจะพารุ่นน้องคนนั้นกลับกรุงเทพฯ เพื่อไปปรึกษากับพ่อแม่แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้ปกครองของน้องคนนั้น ฟัง น้องคนที่เป็นเจ้าของสายสร้อยได้ติดตามมาด้วยจากกาญจนบุรีแนะนำให้ไปหาหลวง พี่ที่เขาสนิทสนม เผื่อท่านจะช่วยอะไรได้บ้างเพราะพ่อแม่ของน้องเห็นสภาพลูกเขาที่ได้แต่นั่ง
ตาซึม มองซ้ายมองขวาแต่ไม่มีการพูดจาสนทนา หากใครไปมองเข้านานๆจะมีอาการจ้องตาเขม็งตอบ ทุกคนจะกลัวกันมากหลังจากพาน้องไปพบกับหลวงพี่จึงได้รู้ว่า

คนที่ตามน้องมาด้วยนั้น เค้าโกรธมากที่ไปพูดดูถูกเขา หลวงพี่บอกว่าเธอเป็นนางตานี ให้รีบถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้เขา และกล่าวคำขอขมาลาโทษไปด้วย พร้อมกับกรวดน้ำ จากนั้นพวกเราก็นั่งในวัด พูดคุยกับหลวงพี่ไปเรื่อยๆ

ในที่สุดน้องเขาก็หายเป็นปกติ งงว่าทำไมถึงมาทำอะไรกันที่วัดนี้ ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือ กำลังนั่งทำพิธีกันอยู่ในคืนรับน้อง พวกเราเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าตัวฟัง เธอถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาเลยและบอกว่าวันหลังจะระวังคำพูดให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่น้องคนนั้นหรอกค่ะที่กลัวทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็หวาดกลัว กันหมด จากนั้นทุกคนก็ได้แกย้ายกันไปพักผ่อนเพราะทุกคนได้ตรากตรำอดตาหลับขับตานอน กันมาเป็นเวลา 2 วัน 2 คืนเต็มๆ
ทีเดียว

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

ห้องน้ำผีนรก

(ภาพประกอบ)

ห้องน้ำนรก
เรียบเรียงโดย...ขนหัวลุกใบหนาด
"นก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องน้ำผีสิง

นก เพิ่งจะเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำอำเภอได้ไม่กี่วัน เนื่อง จากย้ายโรงเรียนตามพ่อเหมือนลูกข้าราชการส่วนหนึ่ง ที่ต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นที่นี่ บางคนก็มีเพื่อนเก่ามากมายเพราะต้องย้ายบ่อยครั้ง

โรงเรียนนี้เป็น ตึกสองชั้น ค่อนข้างเก่าแก่เกือบจะทรุดโทรม สนามกีฬาก็มีแต่หญ้าแห้งเป็นกระจุก พอๆ กับเสาธงที่ตั้งแทบจะไม่ตรง ก่ออิฐล้อมรอบ ส่วนธงชาติก็สีซีดจางเต็มที ด้านหลังเป็นห้องน้ำสีน้ำตาลที่สีลอกเป็นแผ่นๆ ถัดออกไปมีแต่ทิวไม้หนาครึ้มแทบจะล้อมรอบทั้งหมด

เด็กนักเรียนที่ บ้านอยู่ไกล ต้องขึ้นรถสองแถวมาบ้าง ถีบจักรยานมาบ้าง สองข้างทางมีบ้านช่องอยู่ห่างๆ กัน บรรยากาศค่อนข้างเปล่าเปลี่ยว ชวนให้วังเวงใจอย่างบอกไม่ถูก

เย็นวันหนึ่งก็เกิดเรื่องขนหัวลุกขึ้น!

วัน นั้นโรงเรียนเลิกแล้ว ฟ้าครึ้มฝนจนไม่มีแสงแดดส่องลงมาเลย แต่นักเรียนชายเล่นฟุตบอลกันเกรียวกราว ส่วนนักเรียนหญิงบ้านใกล้ๆ ก็เดินกลับ บ้างก็ขี่รถจักรยานที่มีเพื่อนซ้อนท้าย แต่ส่วนหนึ่งยังรอรถสองแถว โดยจับกลุ่มกินขนมกันที่โต๊ะใต้ต้นไม้

นกรอรถสองแถวเหมือนกัน แต่รู้สึกปวดท้องเบาเลยปลีกตัวไปที่ห้องน้ำด้านหลัง มีต้นกล้วยใหญ่ๆ ขึ้นดกหนาทั้งตามทางเดินและหลังห้องน้ำ

มี การแบ่งเป็นสุขาชาย-หญิงเรียบร้อย ของผู้ชายต้องเดินเลยไปด้านใน ส่วนของผู้หญิงมีประตูมิดชิด เข้าไปด้านในเป็นอ่างล้างมือทางซ้าย ห้องสุขาเรียงรายอยู่ด้านขวา...ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำแม้แต่คนเดียว

จู่ๆ เสียงประตูก็ปิดโครมจนนกสะดุ้งโหยง...

รู้สึกเหมือนโดนขังไม่มีผิด! อากาศเย็นวูบลงจนขนลุกซ่า...นกนึกสังหรณ์ใจยังไงชอบกล เลยเดินกลับไปเปิดประตู แต่ปรากฏว่ามันปิดสนิท!

เอ๊ะ! อะไรกันนี่? ใครต้องแอบย่องตามหลังมาเล่นแกล้งแน่ๆ เลย เล่นเอาเหลียวซ้ายแลขวา มองเห็นช่องลมของอิฐบล็อกแบบโปร่งๆ สรรพสิ่งตกอยู่ในความเงียบเชียบเหมือนโลกนี้กลายเป็นโลกร้างโดยสิ้นเชิง

เสียงลมพัดวู่หวิวเหมือนเสียงใครครวญครางอยู่ข้างนอก

เสียงยอดตองกระทบกันเพราะแรงลมดังพึ่บๆ น่ากลัว อากาศก็เย็นลง... เย็นลงทุกที ทั้งๆ ที่อยู่ในฤดูร้อนแท้ๆ

นก หายปวดท้องเบาเป็นปลิดทิ้ง อยากจะเผ่นออกจากห้องน้ำนี้โดยเร็วที่สุด ดูมันหลอนๆ น่าสยองอย่างบอกไม่ถูก แต่ประตูห้องปิดสนิท...หรือว่าภารโรงเข้ามาปิดประตูใส่กุญแจเสียแล้วเพราะ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่

ทำไมแกไม่เข้ามาดูแลให้แน่ใจก่อนนะ?

ปราด เข้าไปเขย่าประตูก็แล้ว ใช้กำปั้นทุบแรงๆ ก็แล้ว แต่คำตอบคือความเงียบจนน่าใจหาย นกอยากร้องไห้เพราะความกลัวระคนกับอัดอั้นตันใจ ตะเบ็งเสียงแทบแสบแก้วหูตัวเอง

"ช่วยด้วย! เปิดประตูด้วย นกอยู่ในนี้...ช่วยด้วย..."

คราว นี้น้ำตาไหลพรากเลย ไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากเสียงตัวเองที่สะท้อนไปมา ตัดสินใจเดินย้อนเข้าไปข้างใน ผ่านประตูห้องสุขาราว 4-5 ห้องที่เปิดแง้มอยู่ทุกห้อง...มองหาลู่ทางว่าจะออกไปจากห้องน้ำนี่ได้ยังไง กัน?

โครม! โครม!!

สะดุ้งโหยงพร้อมกับร้องกรี๊ดๆ อย่างลืมตัว เมื่อเสียงสนั่นหวั่นไหวเกิดจากประตูห้องสุขากระแทกปิด-เปิดออกแล้วก็ปิดปึง ปังให้เห็นต่อหน้าต่อตา

คราวนี้นกสติแตกกระเจิงในบัดดล!

ยก สองมืออุดหู หลับตาร้องกรี๊ดๆๆ ด้วยความหวาดกลัวจนแทบจะเป็นบ้า...ได้ยินเสียงเอะอะดังแว่วๆ ตาม ด้วยเสียงเรียกชื่อ มีใครมาจับไหล่ทั้งสองข้างเขย่า เล่นเอาสะดุ้งผวา กรีดร้องไม่หยุดหย่อน จนแรงเขย่าเพิ่มขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกชื่อดังๆ อยู่ข้างหูจึงได้ลืมตามอง

เห็นหน้าเพื่อนๆ กับครูประจำชั้น ทำให้ปล่อยโฮออกมาอย่างอัดอั้นใจสุดขีด รู้สึกเหมือนเพิ่งรอดตายมาหยกๆ

วัน ต่อมาจึงได้รู้ความจริงว่า มีนักเรียนม.3 ผูกคอตายในห้องน้ำเพราะโดนพ่อแม่ดุด่าเรื่องไม่สนใจการเรียน...มีเด็กถูกผี หลอกหลายคนแล้ว ใครจะเข้าห้องน้ำต้องมากันหลายๆ คน แต่นกเป็นเด็กใหม่ ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลยถูกผีหลอกแทบจะช็อกตาย!

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่อง ที่เกิดขึ้นคือ เมื่อเดือนมิถุนายน

(เอาแบบโชว์เลย)

เรื่อง ที่เกิดขึ้นคือ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานะครับ
ผมจะต้องขึ้นไป เชียงใหม่ คืองานที่ผมทำจะเป็นเกี่ยวกับร้านมินิมาร์ท ต้องดูตั้งแต่งานก่อสร้างจนถึงร้านเสร็จน่ะครับ ลักษณะของการทำงานคือ เราต้องไปหาทำเลดีๆเพื่อเช่าตึก เป็นตึกที่มาลัษณะเป็น2คูหา ตึกที่ผมไปเช่าตอนนั้น ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าประวัติความเป็นมาอย่างไร...หรือมีเรื่องเล่าลึกลับ อะไรหรือเปล่า แต่พอรู้คร่าวๆ ว่าตึกที่อยู่ทางด้านขวามือมันจะมีประวัตินะครับ ตอนนั้นเราไปเช่าทั้งหมด2ตึก ทำสัญญากันเรียบร้อย ด้วยความอยากรู้ประวัติความเป็นมาคร่าวๆของตึกที่ไปเช่า ผมจึงถามเจ้าของตึกที่อยู่ตึกนี้ว่า มีอะไร แปลกๆ มั้ย เคยมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า?

เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร เพราะว่าซีกซ้ายกับซีกขวาถัดไป 2ห้อง จะไม่มีคนอยู่ นอกนั้นจะมีคนอยู่เต็มไปหมด

ทางทีมงานของเราจึงเริ่มทำการก่อสร้าง ตกแต่งเพื่อเปิดเป็นมินิมาร์ท พวกนักศึกษาและคนที่อยู่แถวนั้น พอผ่านไปผ่านมาก็มักจะถามว่ากำลังสร้างอะไร?
เราก็บอกว่ากำลังทำมินิมา ร์ท แต่คำพูดต่อจากนี้สิครับ ที่ทำให้ผมสงสัยขี้นมาตงิดๆ เพราะหลายคนก็มักจะพูดว่า "คิดดีแล้วเหรอ?" นั้นทำให้ผมคิดว่ามีอะไรหรือเปล่า? แต่แทนที่ผมจะได้รับความกระจ่าง แต่กลับมีคำตอบที่ว่า"ไม่มีอะไรหรอก....สร้างไปเถอะ" หลังจากนั้นเราก็สร้างไปจวนจะเสร็จแล้ว แต่ก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ไปดูชั้น 2 ชั้น 3 ของตึกนั้นนะครับ เราก็ขึ้นไปดูตึกขวามือ ตึกที่เกิดเรื่องมีสายสิญจน์ตั้งแต่ข้างล่างจนไปถึงข้างบน ที่ทำให้บรรยากาศดูวังเวงมากขึ้นไปอีกก็คงจะเป็นบริเวณนั้นเต็มไปด้วย หยากไย่...ให้ความรู้สึกรกร้างอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ ครับ
แต่ในระหว่างที่เรากำลังสำรวจพื้นที่ยริเวณชั้น 2พลันก็ดันเหลือบไปเห็นนักศึกษาหญิงเดินนำหน้าเราขึ้นไปยังชั้น 3 ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่เกิดเหตุครับ(เกิดอะไรเดี๋วทราบกันครับ) ตอนนั้นผมก็เอะใจขึ้นถามน้องที่ไปด้วยกันว่า "น้องๆใครขึ้นไปค้างบนอะ?" น้องที่ไปด้วยก็หันซ้ายหันขวาแล้วก็หันหน้ามาตอบว่า"ไม่มีใครนี่ครับพี่" แต่ด้วยความสงสัยในสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ทำให้ผมที่สาวเท้าตามขึ้นไปชั้น 3 แต่ผมปรากฎว่า เป็นสถานที่ที่เกิดเรื่องไม่ดีแน่นอน เพราะมีสายมีแถบของตำรวจขึงอยู่ ห้ามเข้าไปในบริเวณนั้น ตอนนั้นทำให้ผมถึงกับ ชะงักงันไปเลยครับ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจไปถามเจ้าของตึกว่า เกิดอะไรขึ้นที่นี้ ทำไมมันมีพื้นที่ที่เข้าไม่ได้
แต่เจ้าของตึกกลับบอกว่าไม่มีอะไร สงสัยพวกตำรวจคงมาขึงเล่น...
มันยิ่งทำให้ผมสงสัยเข้าไปใหญ่เลยครับ ตำรวจที่ไหนจะมาขึงเล่น มันเป็นไปไม่ได้หรอก ตึกแห่งนี้ต้องเคยเกิดเรื่องไม่ดีแน่นอน เหตุการณ์ระหว่างนั้นคือ ระหว่างที่เราทำงานอยู่ที่นี่ เราต้องอยู่ตึกซ้ายมือ ต้องนอนเฝ้างานก่อสร้าง แล้วทุกตี 3 ของทุกคืน ผมจะต้องสะดุ้งตื่นเพราะข้างบนได้ยินเสียงเหมือนการต่อสู้เกิดขึ้นได้ยิน เสียงผู้หญิงร้อง ผมชวนพรรคพวกขึ้นไปดูสำรวจทุกซอกทุกมุมแล้วก็ไม่เห็นว่ามีอะไร มันไม่มีอะไรจริงๆ ครับเวลาผ่านไปประมาณ1สัปดาห์ พวกเราที่ทำงานอยู่ ด้วยกันที่นั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของความทรมานตลอด

จนมีอยู่มัน หนึ่ง วันนั้นรู้สึกว่าจะเป็นวันพระ ตอนนั้นผมกำลังอาบน้ำเวลาประมาณตี 2 เห็นจะได้ครับ อาบน้ำเสร็จก็มาแต่งตัว แล้วกระจกแต่งตัวของผมก็จะวางอยู่ในลักษณะที่มองเข้าไปก็จะเห็นเงาสะท้อนของ ระเบียงด้านหลัง แล้วสิ่งที่ผมเห็นคืออะไรรู้มั้ยครับ ขอบอกว่าน่าสยดสยองมาก ผมเห็นผู้หญิงเปลือยท่อนบน โดนเหล็กทิ่มอยู่เลือดไหลโชกไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังพูดเสียงเบาๆเย็นๆว่า "หนูหิว!" ตอนนั้นผมตกใจมากเลยครับ ขนลุกไปทั้งร่างเลยทีเดียว ผมรวบรวมความกล้าหันไปมองตรงๆ ก็ยังเห็นเธออยู่ที่เดิม แล้วเธอก็ครำครวญ อีกว่า "หนูหิว!" จากนั้นเธอก็หายวับไปกลับตาเลยครับ นาทีต่อมาจากนั้นผมก็ลงมาข้างล่าง ถามน้องๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นตรงระเบียงหรือเปล่า มีเหตุการณ์การอะไรเกิดขึ้นมั้ย?
ตอน นั้นผมเรื่มโวยวายลั่นแล้วครับคงเป็นเพราะด้วยความตกใจระคนความกลัวก็เป็น ได้ แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบอะไรได้แล้วความสงสัยหลายๆ อย่างก็ทำให้ผมตัดสินใจไปหาเจ้าของบ้านตอนนั้นเลยครับ ตอนแรกเขาก็ อำๆ อืมๆ ไม่ยอมบอก แต่สุดท้ายเขาก็ต้องเฉลยความจริงให้ผมฟังครับ "ที่ตึกชั้น 3 ข้างขวา เคยมีนักศึกษาโดนฆ่าข่มขืน ตอนที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาณตี 3 ครับ เธอถูกฆ่าเปลือย แล้วหลังจากฆาตรกรใจโหดข่มขืนเสร็จ ก็ใช้เหล็กแหลมทิ่มที่หน้าอก" ผมก็เลยให้เจ้าของพาไปเปิดห้องที่เกิดเหตุให้ผมดูครับ เชื่อมั้ยครับว่าเฟอร์นิเจอร์ ของทุกอย่างยังอยู่ครบ คราบเลือด เส้นผม สิ่งต่างๆยังอยู่เหมือนเดิม เพราะว่าตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ยังเครียร์คดีไม่จบ ซึ่งเจ้าของก็บอกว่าหลังจากเกิดเหตุสยองขวัญขึ้น เธอก็มาขอส่วนบุญเป็นประจำ... เชื่อมั้ยครับว่าเรื่องนี้ ผม ได้สัมผัสมากับตัวเอง จริงๆครับ..

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก:: พลังจิตดอทคอม

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ผี199

อย่าง ที่เคยบอกไว้ เราไม่เคยเจอกับตัว (หรืออาจจะเคยเจอแต่ไม่รู้ตัว? แต่ก็หวังว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอต่อไปอีกเรื่อยๆนะคะ ) ไอ้เรื่อง

ซิกส์เซ้นส์จะมีบาง แต่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก(ของคนอื่นรอบๆตัว แต่ของตัวเองเซ้นส์จะปิดทำการชั่วคราวค่ะ) แล้วก็เรื่องทั่วๆไปมากกว่า.. แล้วไว้จะมา

เล่าเรื่องเซ้นส์ประหลาดของตัวเองให้ฟังอีกทีค่ะ

เข้า เรื่องดีกว่า... เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดใกล้ตัวเราที่สุด แต่เราไม่ได้เป็นคนเห็นเองหรอกค่ะ บอกไว้ก่อนว่าไม่น่ากลัวค่ะ (แต่ช่วงนั้นเราแอบ

หลอนไปพักนึงเหมือนกัน)

ประมาณปี 2546 คุณพ่อของเราได้ซื้อรถมือสองมาหนึ่งคัน เป็นรถยี่ห้อเชฟโรเลท รุ่นซาฟิร่า สภาพใหม่มากค่ะ เนื่องจากที่บ้านเราคนอาศัยอยู่

เยอะมาก รถคันนี้ไม่ได้มีเจ้าของประจำแต่เหมือนเป็นของส่วนกลางมากกว่า ใครจำเป็นต้องใช้ก็เอาไปใช้ ส่วนมากเรากับลูกพี่ลูกน้องเรา(อาศัยอยู่บ้านเดียว

กัน)จะผลัดกันเอาไปใช้

เกือบ ทุกครั้งที่เราเอารถคันนี้ไปใช้ เวลารถติดไฟแดงแล้วข้างๆเป็นมอร์เตอร์ไซค์ คนขับมักจะชอบมองเข้ามาแล้วทำหน้างงๆเสมอเลยค่ะแล้ว

ก็จะมองเข้ามาหลายๆรอบ ซึ่งตอนนั้นเราก็คิดแค่ว่าเขาคงจะงงว่า ผู้หญิงตัว(เตี้ย)แค่นี้ ขับรถทำไมคันตั้งเบ่อเร่อละมั้ง

เราจะเอารถไปใช้ก็ต่อเมื่อ ต้องอยู่ทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจนมืดน่ะค่ะ เพราะซอยบ้านเราค่อนข้างจะเปลี่ยวมาก ทีนี้บ้านเราเนี่ยก็ไม่ได้อยู่

ลึกอะไรแต่ทางที่จะขับรถเข้าไปได้ต้องไปอ้อม ผ่านดงต้นไม้รกๆออกแนวเป็นป่าย่อมๆอะค่ะ เพราะว่าทางที่จะตัดเข้าบ้านได้เลยนั้นมันเดินได้อย่างเดียว รถ

เข้าไม่ได้ (คงไม่งงนะคะ ^^")

เราเองก็เป็นพวกขี้กลัวขึ้นสมองเหมือนกัน ผ่านตรงนี้ทีไรจะไม่มองซ้าย ขวา หรือกระจกหลังทั้งนั้น จะตั้งหน้าตั้งตาผ่านๆไป กลัวเจออะไรที่ไม่

อยากจะเจอน่ะค่ะ ทั้งคนและอดีตคนเลย

วันนั้นเราก็ทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจนค่อนข้าง จะดึก ก็ขับรถกลับเข้าบ้าน พอพ้นช่วงป่ารกๆ ใกล้ๆจะถึงหน้าบ้านก็เจอกับพี่คนนึงที่เช่า

อพาร์ทเมนต์หลังบ้านเราอยู่ (เป็นกิจการของครอบครัวเราเองด้วย) ซึ่งพี่คนนี้ก็เรียนสถาบันเดียวกับเราแต่คนละคณะ เราก็จอดรถแวะทักทายพี่เขาเล็กน้อย

ตอนที่กดกระจกด้านที่นั่งข้าง คนขับลงเพื่อคุยกับพี่เขา พี่เขาก็ทำหน้าเหมือนงงๆอะไรแปลกๆอะค่ะ ซึ่งพี่คนนี้ซิกส์เซ้นส์เขาแรงมาก เขาเจอผี

บ่อยจนเขาเลิกกลัวไปแล้วอะค่ะ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่คิดอะไรอยู่ดี (ทำไมช่างเป็นคนที่ไม่คิดอะไรกับชาวบ้านเขาเลยนะหล่อน? ><) เพราะเหนื่อยจาก

กิจกรรมที่ทำด้วย อยากจะรีบๆเข้าบ้านไปอาบน้ำเต็มที ก็ทักทายพี่เขาเล็กน้อย แล้วเราก็เลี้ยวรถเข้าบ้านไป

เราเข้าบ้านไปได้ยังไม่ทันจะห้านาที พี่คนที่เจอตะกี๊ก็โทรศัพท์เข้ามาหาเรา เราก็รับแบบงงๆ
พี่คนนั้น - "ซี เมื่อกี๊ซีขับรถมาคนเดียวใช่ไหม?"
เอาแล้ว แค่คำถามก็ไม่ปกติแล้วค่ะ (-__-") เกลียดที่สุดเลยคำถามแบบนี้โดยเฉพาะตอนกลางคืนเนี่ย เราก็จำใจตอบไปว่าใช่
พี่คนนั้น - "อืมมม คือ ตอนแรกที่ซีจอดรถทักพี่อะ พี่เห็นผู้หญิงคนนึงใส่ชุดขาวๆผมยาวๆนั่งมาด้วย แต่พอซีกดกระจกลงกลับไม่เห็นแล้ว"
โอ้วววววว มายพระพุทธเจ้า!!!! พี่จะโทรมาบอกหนูทำไมคะ???? ขนลุกซู่ด้วยความกลัว

เรา ก็รีบคาบเรื่องไปเล่าให้คุณแม่ฟัง (คุณแม่เราก็เป็นอีกคนที่ซิกส์เซ้นส์แรงเช่นกัน) คุณแม่ฟังแล้วก็หัวเราะๆบอกว่า "เขาคงเห็นเป็นผู้หญิงขับ

รถมาตอนกลางคืนคนเดียวในซอยเปลี่ยวมันอันตรายละ มั้ง เลยมานั่งเป็นเพื่อน" แง้... แต่หนูกลัวนี่นา

หลังจาก นั้น เราก็ไม่เอารถคันนี้ออกไปไหนตอนกลางคืนได้พักนึง แต่สักพักก็กลับมาใช้ใหม่อยู่ดีเพราะจำเป็น ก่อนใช้ก็จะพูดทุกครั้ง ยกมือ

ไหว้พระทุกครั้ง บอกว่า "เราไม่เคยมีเวรกรรมอะไรกันนะคะคุณ ขอบคุณที่มานั่งเป็นเพื่อน แต่ไม่ต้องปรากฏตัวให้ดิฉันเห็นนะคะ"

ซึ่งคนทั้งบ้านเราก็ไม่เคยพบเขานะคะ(ดีแล้วค่ะ ขอบคุณมาก) หลังจากนั้นไม่นานรถคันนี้ก็ได้ขายต่อไปอีกทอดแล้วค่ะ

ถ้าคุณซื้อรถมือสามยี่ห้อเชฟโรเลท ซาฟิร่า สีน้ำเงินสดมาใช้แล้วชอบมีคนมองเข้ามาแบบงงๆก็ไม่ต้องสงสัยหรือตกใจนะคะ เขามาดีค่ะ ^^

รายการบล็อกของฉัน