บางทีก็น่ากลัวบางทีก็ไม่น่ากลัวรวมๆกันไป
ที่นี่เปิด รับทุกอย่างที่เกี่ยวกับผีๆวิญญาณ
ติดต่อส่งตั้งกระทู้มาที่ ghost-in-manman ด้านข้างครับ
ดูเว็บ ghost-in-manman แล้วหาความรู้เพิ่มเติม..ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ครับ
อย่าลืมดูเว็บ ghost-in-manman
บทความที่ได้รับความนิยม
-
ก๊อบมาจากกลุ่มรามในฮิห้านะครับ รวมมาหลายๆเรื่อง จากรุ่นพี่ๆที่เจอมาจิงๆ 1. ผมเช่าอพาร์ทเม้นกับเพื่อนที่ราม 2 ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่ง คืนวันนั...
-
ถ้าพูดถึงเรื่องผีๆ สางๆ นี่หนูยอมรับว่ากลัวบ้างค่ะ แต่ไม่ถึงขึ้นสมอง ปกติจะไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย ถ้าเลิกงานหัวค่ำก็เดินเข้าซอยได้สบายๆ การ...
Wikipedia
วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
สยอง! เปิดตำนานฆาตกรกินคนแห่งเยอรมัน ที่ฆ่ากินเนื้อคนมากว่า 20 ปี
วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2565
ตำนาน ปลัดขิก เป็นรูปจำลองอวัยวะเพศชาย มักทำด้วยไม้ ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร..
ตำนาน ปลัดขิก เป็นรูปจำลองอวัยวะเพศชาย มักทำด้วยไม้ ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร..มาดูกัน
ทุกๆคนคงจะรู้จักปลัดขิกกันแล้วใช่ไหมครับปลัดขิกก็คือรูปจำลองอวัยวะเพศชาย มักทำด้วยไม้ เป็นดุ้นมีหลายขนาดนะครับทั้งขนาดใหญ่ยาวเล็กก็แล้วแต่ความพอใจของแต่ละอาจารย์ที่ทำปลัดขิกนะครับ
แต่ก็ยอมรับเลยว่าประเทศไทยเนี่ยน่าจะมีปลัดขิกที่มีคุณลักษณะพิเศษคาถาอาคมมากที่สุดก็ว่าได้นะครับ...น่าจะเป็นดิลโด้รุ่นแรกๆก็ว่าได้ที่มีลักษณะพิเศษแปลกแตกต่าง ของต่างประเทศ...ไทยจะลงคาถาอาคมมีที่มาที่ไป มีความเชื่อ เเกี่ยวกับโชคลาภหรือเรียกทรัพย์ทำเสน่ห์มหาเสน่ห์อะไรก็แล้วแต่นะครับ
ใครอยากจะเชื่ออะไรก็เชื่อ..ถ้าเชื่อถือแล้วมีความสุขกาย สบายใจก็ไม่เสียหายแต่อย่าไปทำให้ใครเดือดร้อนเลยนะครับเป็นดีที่สุด...
เราจะมาเข้าเรื่องบทความกันเลยดีกว่านะครับ
👉🏿ปลัดขิก เป็นรูปจำลองอวัยวะเพศชาย มักทำด้วยไม้ ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง อ้ายขิก, ไอ้ขิก หรือ ขุนเพ็ด ก็เรียก
ปลัดขิกทำจากไม้รัก
ลักษณะ
👉🏿ปลัดขิกหรือขุนเพ็ดจัดเป็นเครื่องรางของขลังที่ได้รับความนิยมอีกอย่างหนึ่งของคนไทย ปลัดขิกส่วนมากแกะสลักมาจากไม้ที่เชื่อกันว่าเป็นไม้มงคล หรือบางทีอาจทำจาก หิน ทองเหลือง ทองแดง กัลปังหา เขา งา เขี้ยว ของสัตว์ แกะสลักเป็นรูปร่างเหมือนอวัยวะเพศชายแต่ไม่มีหนังหุ้มปลายอวัยวะ มีขนาดต่าง ๆ กันและยาวพอเหมาะกับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง เมื่อทำการแกะสลักแล้วก่อนนำมาบูชาเป็นเครื่องรางของขลังจะต้องทำการปลุกเสกโดยผู้มีความรู้ด้านไสยศาสตร์ หรือพระภิกษุ
👉🏿ซึ่งหากทำการปลุกเสกด้วยพระภิกษุเชื่อกันว่าจะได้รับพระพุทธคุณมาด้วย ในปัจจุบันจึงพบว่าปลัดขิกส่วนใหญ่มาจากการปลุกเสกของพระภิกษุ คนไทยบางคนเชื่อกันว่าให้คุณแก่ผู้บูชา ส่วนชาวต่างชาติก็ทำเป็นของสะสม
👉🏿ส่วนชื่อเรียก ปลัดขิก ไม่มีที่มาปรากฏชัดว่าเหตุใดจึงเรียกเช่นนั้น ส่วนคำว่า ปลัด หมายถึง ตำแหน่งรองจากตำแหน่งที่เหนือกว่า หรือสันนิษฐานว่าพ้องเสียงมาจากคำว่า ปราศวะ ในภาษาสันสกฤต แปลว่าเคียงข้าง
เนื่องจากผู้บูชาปลัดขิกนิยมแขวนไว้ที่เอวหรือหากเป็นเด็กจะแขวนที่คอ เมื่อมีผู้พบเห็นแล้วเกิดหัวเราะเสียงดังคล้าย คิกๆคักๆ จึงอาจเพี้ยนมาเป็นปลัดขิก
ประวัติ
ตามความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมานั้น สันนิษฐานว่าอาจได้รับอิทธิพลมาจากชาวอินเดียในแถบตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 2000 ปีก่อน โดยอาจเกี่ยวข้องกับชาวฮินดูที่นับถือพระอิศวร และบูชาแท่งหินแกะสลักคล้ายอวัยวะเพศชาย เรียกว่า ศิวลึงค์
การเริ่มบูชาปลัดขิกนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการบูชาพระอาทิตย์และพระจันทร์ ซึ่งได้มีการสร้างเสาหินที่ผสมผสานระหว่างรูปร่างของพระอาทิตย์และพระจันทร์เข้าด้วยกัน หากดูผิวเผินจะคล้ายกับอวัยวะเพศชาย จึงเรียกว่า ลึงค์ เมื่อมีความเชื่อเกี่ยวกับพระอิศวรหรือพระศิวะกับพระอุมา ศิวะลึงค์จึงได้สร้างขึ้นมาให้มีขนาดเล็กลงเพื่อความสะดวกในการพกพา
👉🏿บางตำนาน กล่าวว่าเกิดจากบรรดาเทพและมนุษย์ร่วมกันสร้างเพื่อบูชาพระศิวะ แต่การจะสร้างพระศิวะเพื่อบูชานั้นอาจดูว่าเป็นเรื่องธรรมดามากเกินไป จึงได้สร้างศิวะลึงค์ขึ้นบูชาซึ่งอาจสื่อถึงความมีราคะของพระศิวะ
👉🏿ส่วนอีกตำนานหนึ่งนั้นกล่าวว่า วันหนึ่งพระศิวะร่วมเสพสังวาสกับพระอุมาในท้องพระโรง ทำให้บรรดาเหล่าเทพที่มาเข้าเฝ้าเห็นเข้า และแสดงความไม่นับถือต่อพระศิวะ ด้วยด้วยเหตุนี้พระศิวะจึงบันดาลโทสะและประกาศในท้องพระโรงนั้นว่า อวัยวะของพระองค์นี่แหละจักปกป้องคุ้มครองแก่ผู้เคารพบูชา หากเทพหรือมนุษย์ผู้ต้องการประสบความสำเร็จและความสุขในชีวิตจะต้องเคารพบูชาให้กราบไหว้บูชาอวัยวะของพระองค์
👉🏿มีบางตำนานกล่าวว่า วันหนึ่งเกิดโรคระบาดจนมีผู้คนล้มตายลงเป็นอันมากและเชื่อกันว่าเกิดจากพระอุมา อัครมเหสีของพระศิวะเกิดบันดาลโทสะโดยไม่ทราบสาเหตุ เหล่าพราหมณ์จึงแก้ด้วยการทำสิ่งบูชาคล้ายอวัยวะเพศชายเพื่อเป็นตัวแทนพระอิศวรและทำให้โรคระบาดหายไปในที่สุด
👉🏿ตำนานที่เชื่อกันว่าน่าเชื่อถือที่สุดคือตำนานเกี่ยวกับการบูชา ตรีมูรติ มีการบูชาเทพผู้เป็นใหญ่ทั้งสามได้แก่ พระศิวะ พระพรหม พระวิษณุ และเทพทั้งสามได้มาปรากฏกายให้ผู้บูชาได้ชื่นชมพระบารมี โดยพระพรหมปรากฏเป็น สี่หน้า สี่กร พระวิษณุ เป็นเทพธรรมดา ส่วนพระศิวะปรากฏให้เห็นเฉพาะส่วนที่แสดงให้เห็นว่าเป็นเพศชาย หลักจากนั้นจึงได้มีการสร้างสิ่งเคารพที่แสดงถึงเทพทั้งสามตามที่ปรากฏให้เห็น
😁ในประเทศไทยไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเริ่มมีมาในสมัยใด และมีความแแตกต่างจากศิวลึงค์ของชาวฮินดู เนื่องจากปลัดขิกที่คนไทยนำมาบูชานั้นทำขึ้นจากผู้มีวิชาความรู้ด้านไสยศาสตร์และทำการปลุกเสกเพื่อให้เป็นเครื่องรางของขลัง โดยในสมัยโบราณคนไทยนิยมห้อยปลัดขิกไว้กับเอวหรือห้อยคอสำหรับเด็กผู้ชาย
ซึ่งการทำเช่นนี้เพราะมีความเชื่อว่าหากมีปลัดขิกติดตัวจะช่วยป้องกันอันตรายต่างๆได้ หรือบางคนนำมาบูชาไว้กับสถานประกอบการค้าขายเพราะเชื่อว่าจะทำให้ค้าขายมีกำไรมีคนอุดหนุนกิจการมากขึ้น
ความเชื่อในปัจจุบัน
ปลัดขิกในปัจจุบันนอกจากทำขึ้นโดยผู้มีความรู้ด้านไสยศาสตร์แล้ว ยังพบว่าถูกสร้างโดยพระภิกษุและได้รับความนิยมมากอาจเพราะมีความเชื่อทางด้านพุทธคุณประกอบกัน หรือ บางครั้งถูกสร้างโดยผู้มีความศรัทธาในพระภิกษุนั้นแล้วทำการแกะสลักปลัดขิกจากนั้นจึงนำไปให้พระภิกษุที่ตนเองนับถือทำการปลุกเสก
😄นอกจากนี้ปลัดขิกยังถูกมองว่าเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะมีการแกะสลักเป็นรูปลิง หรือรูปร่างหญิงเปลือยกาย ซึ่งล้วนแต่มีความเชื่อผสมอยู่เสมอ เช่น ลิงอาจหมายถึงความคล่องแคล่ว หญิง หมายถึง มีเสน่ห์ หรือทำขึ้นเพื่อให้ชาวต่างชาตินำไปเป็นของสะสม โดยมีความศรัทธาร่วมหรือไม่ก็สุดแล้วแต่
😁เป็นยังไงบ้างล่ะครับจบบทความเรื่องปลัดขิกแล้วปลัดขิกของคนไทยเน้นคาถามหานิยม
👉🏿ถ้าเป็นพวกฝรั่งมังค่า..มาเห็นปลัดขิกไทย ก็อาจเข้าใจผิด..คงนึกถึงดิลโด้หรืออวัยวะเพศชายเทียมที่ใช้สำหรับผู้หญิงสาวแก่แม่หม้ายผัวทิ้งที่มีความต้องการทางเพศ....บางทีความคิดคนเรามันก็แตกต่างกันนะครับของสิ่งเดียวกัน...แต่มีความเชื่อหลากหลาย
วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564
ตำนานสุดสยอง ผีนับจาน ผีสาวแห่งปราสาทฮิเมจิ
ค้นหา ประเทศญี่ปุ่น ปราสาทที่เป็นตัวอย่างของความสมบูรณ์แบบที่สุดในด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมตามแบบฉบับของญี่ปุ่นโบราณ ปราสาทแห่งนี้ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกอีกด้วย และนอกจากความงดงามของตัวปราสาทที่มีสีขาวสะอาด ติดอันดับ 1 ใน 3 ปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นแล้วนั้น
กาลเวลาล่วงเลยผ่าน ภรรยาของขุนนางได้คลอดบุตรชาย แต่เด็กคนนี้กลับมีนิ้วมือเพียง 9 นิ้วเท่านั้น! นอกจากนั้นได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกับครอบครัวของขุนนางใจโฉดผู้นี้อยู่บ่อยครั้ง ทั้งเรื่องที่บรรยากาศในบริเวณบ้านอันเย็นยะเยือก และในตอนกลางคืนมักมีผู้พบเห็นดวงไฟประหลาดออกมาจากบ่อน้ำที่สาวใช้โอคิคุถูกโยนลงไป พร้อมกับเสียง ‘นับจาน’ อันน่าขนลุก ที่พอนับไปถึงใบที่เก้าเมื่อไหร่ก็จะมีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างโหยหวนตามมาเมื่อนั้น
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2563
ลิลิธ นางมารร้ายแห่งรัตติกาล
วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2563
ตำนานเฮี้ยน วัดปทุมคงคา
ชาวบ้านย่านนั้นเล่าว่า มีวิญญาณมาปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยๆในหลายรูปแบบ แล้วมักจะหายวับเข้าไปในต้นอโศก

วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
รื้อตำนานสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์
มีรายงานการค้นพบโครงกระดูกขนาดใหญ่ในประเทศอังกฤษ เป็นประวัติการค้นพบที่เกิดขึ้นในสมัยกลาง-Middle Ages
(นักประวัติศาสตร์ให้การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันในศตวรรษที่ 5 เป็นจุดเริ่มต้นของสมัยกลาง จนในศตวรรษที่ 15 ชาติต่างๆ ในยุโรปสามารถรวมตัวกันเป็นประเทศ รัฐ จนพัฒนาเป็นประเทศต่างๆ ในปัจจุบัน
นักประวัติศาสตร์ ให้การล่มสลายของจักรวรรดิไบแซนไทน์ ค.ศ.1453 เป็นจุดสิ้นสุด
สมัยกลาง)
จากโครงกระดูกวัดจากหัวกะโหลกถึงปลายนิ้วเท้าพบว่ามีความยาวถึง 4 หลาครึ่ง สองข้างของศพมีดาบและขวานขนาดมหึมาวางนอนอยู่ข้างละเล่ม หัวขวานเป็นเหล็กหนา 6 นิ้ว ส่วนดาบก็เป็นเหล็กสองคมยาว 2 หลา รวมกับตัวด้ามถืออีก 16 นิ้วเป็น 2 หลา 16 นิ้ว...ศพซึ่งมีแต่กระดูกพบว่ามีหัวกะโหลกหน้าผากกว้างถึง 18 นิ้ว มีกรามใหญ่และมีฟันยาวยื่นขนาด 6 นิ้ว กว้าง 2 นิ้ว
หนังสือบอกไว้ด้วยว่าชิ้นส่วนต่างๆ ของโครงกระดูกยักษ์ที่พบนั้น ถูกพวกนักสะสมของเก่าหรือของแปลกๆ แย่งกันประมูลซื้อกันไปคนละชิ้นสองชิ้น กระจัดกระจายไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของใครต่อใครกันหมด จนไม่เหลือซากให้คนรุ่นหลังได้เห็นกัน เช่น บอกว่า เครื่องแต่งกายชุดเสื้อเกราะโบราณของศพได้ตกไปเป็นสมบัติส่วนตัวของ แซนด์แห่งเรดิงตัน(Sands of Redington) ส่วนอาวุธขนาดยักษ์ตกไปอยู่ในมือของนักสะสมของเก่าชื่อ ไวเบอร์แห่งเซนต์บีส์
(Wybers of St.Bees)
รายงานอีกชิ้นหนึ่งเป็นบันทึกเก่าแก่ของ ดร.มาซูเรียร์ เขียนไว้เป็นแพม เฟลต หรือเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่รวบรวมไว้เป็นข้อมูล ความตอนหนึ่งกล่าวว่า มีสุสานแห่งหนึ่งถูกขุดพบใกล้บริเวณปราสาทคูมองต์ในอังกฤษ สุสานนี้มีศพของมนุษย์ที่เหลือแต่โครงกระดูกที่มีความยาวตั้งแต่หัวกะโหลก ถึงปลายเท้าวัดได้ 25 ฟุต มีช่วงไหล่กว้างถึง 10 ฟุต...
รายงานกล่าวว่า ดร.มาซูเรียร์ได้พยายามของซื้อชิ้นส่วนของโครงร่างนั้น แต่เขาไม่มีเงินมากพอ และพวกคนงานนักขุดหาของเก่าก็โก่งราคา มีหลากพวกยื้อแย่งกันโดยหวังจะนำไปขายในตลาดมืดของเก่าซึ่งได้ราคาสูงกว่า เขาจึงได้มาเพียงกระดูกหน้าแข้งชิ้นเดียวและนำไปเก็บไว้ ณ พิพิธภัณฑ์ Musee de Paleontologie กรุงปารีส
โดยขุดพบบริเวณตำบลเตอร์ราซินา ห่างจากกรุงโรมไปทางใต้ประมาณ 60 ไมล์
ดร.ลุยจิ คาวาลลูซซิ นักโบราณคดีตรวจสอบโดยละเอียดแล้วลงความเห็นไว้ในบันทึกทางโบราณคดีว่า
โครงกระดูกทั้ง 50 โครง มีความสูงไม่ต่ำกว่า 7 ฟุต โครงที่สูงที่สุดวัดจากหัวกะโหลกถึงปลายเท้าสูงถึง 9 ฟุต 8 นิ้ว ทั้งหมดตายเมื่ออายุ 35-40 ปีโดยประมาณ พวกเขายังมีฟันที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีเกือบทั้งหมด
รายการบล็อกของฉัน
-
ชาวเมืองงง!? เสียงเบสลึกลับที่สร้างความรำคาญให้กับชาวฟลอริดา - ชาวเมืองงง!? เสียงเบสลึกลับที่สร้างความรำคาญให้กับชาวฟลอริดาอาจเป็นแค่เสียงปลาผสมพันธุ์กันดัง ๆ ชุมชนทำการระดมเงินเพื่อเป็นทุนในการสืบสวน และตอนนี้นักวิ...2 เดือนที่ผ่านมา
-
วิธีกระตุ้นเต้านมเพื่อให้มีน้ำนมเยอะๆ" มาฝากเหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังเตรียมตัว และอยู่ในช่วงให้นมบุตร - " วิธีกระตุ้นเต้านมเพื่อให้มีน้ำนมเยอะๆ" มาฝากเหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังเตรียมตัว และอยู่ในช่วงให้นมบุตร เพื่อให้มีน้ำนมเยอะๆไว้ให้น้องๆทานกันจ๊า ดังนี้น...2 เดือนที่ผ่านมา
-
ปลาแปลกๆแต่สวยงามปลาทรายแดง - ปลาชนิดนี้ดูเหมือนผ่านการปรับแต่งหรือสร้างจาก AI แต่จริงๆ แล้วเป็นปลาจริง! นี่คือปลาทรายแดง หรือบางแห่งก็เรียกปลาสีรุ้ง (Rainbow Fish) ซึ่งเป็นปลาที่ม...2 เดือนที่ผ่านมา
-
รสชาติเข้มข้นกับชาจีนแปลกๆชาดำชาหมัก - ชาดำ (จีน: 黒茶; พินอิน: hēi chá; เฮย์ฉา) เป็นชาจีนแบบหนึ่ง หมายถึงชาที่ทำโดยผ่านกรรมวิธีภายหลังการหมัก ด้วยชวี เป็นเวลานานกว่าหลายเดือน ที่มีชื่อเสียงมา...2 เดือนที่ผ่านมา