ค้นหา

ที่นี่มีผี..รวมเรื่องลึกลับสยองขวัญสั่นประสาทตาเหลือกตากลับ
บางทีก็น่ากลัวบางทีก็ไม่น่ากลัวรวมๆกันไป
ที่นี่เปิด รับทุกอย่างที่เกี่ยวกับผีๆวิญญาณ
ท่านใดชอบเรื่องผีหรือมีคลิปผีถ่ายติดวิญญาณ.. น่าสนใจ..
ติดต่อส่งตั้งกระทู้มาที่ ghost-in-manman ด้านข้างครับ
แนะนำข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเชิญได้ครับ
ดูเว็บ ghost-in-manman แล้วหาความรู้เพิ่มเติม..ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ครับ
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆที่ให้ความสนใจและ ให้ข้อมูลเรื่องน่ากลัวๆเรื่องประสบการณ์ทางวิญญาณ มาทางเราจะนำมาลงให้อ่านกันในครั้งต่อไปนะครับ.....
อย่าลืมดูเว็บ ghost-in-manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผีสิง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผีสิง แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เหรียญ!!


ผมมีลูกสาวคนเดียว คือ น้องเอื้อง แกเป็นสุดสวาทขาดใจของคนทั้งบ้าน ตอนนี้อายุ 4 ขวบกว่า อยู่อนุบาลสองครับ ผมวางแผนชีวิตสำหรับลูกคนนี้ เพื่อให้แกเติบโตอย่างเข้มแข็ง และนั่นอาจจะเป็นต้นเหตุของขนหัวลุกเรื่องนี้ก็ได้

มันเริ่มตั้งแต่ตอนผมหมั้นกับอ้อย และร่วมทุนกันปลูกเรือนหอของเรา ผมคิดไว้เลยว่าจะมีลูกไม่เกินสองคนชั้นบนของเราจึงมีห้องนอนสามห้อง แต่ละห้องมีห้องน้ำในตัวเสร็จ ห้องตรงกลางน่ะของผมกับภรรยา อีกสองห้องนั้น...แน่ละ! เตรียมไว้สำหรับเป็นส่วนตัวของลูก และผมยังยึดตำราฝรั่ง คือให้ลูกนอนคนเดียวตั้งแต่เกิด แต่ประตูห้องเปิดถึงลูกได้ทั้งสองด้าน

ต้องขอบอกตรงๆ ว่าแผนนี้เกือบไม่สำเร็จแน่ะครับ มันยากมาก โดยเฉพาะอ้อยแทบไม่ยอมวางมือจากลูกเลย แต่ในที่สุดเราก็ทำได้ครับ

น้องเอื้องนอนคนเดียวได้สบายมาก ดับไฟมืดเลยด้วย ไม่ต้องเปิดไฟหัวเตียง ขอแต่เพียงแง้มประตูพ่อกับแม่ไว้หน่อยเดียวเท่านั้นเอง และขอให้เล่านิทานก่อนนอนกับหอมแก้มบอกกู๊ดไนต์ ฝันดีทุกคืน ไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้อง พายุพัดตึงตังแค่ไหนเอื้องก็นอนได้ ไม่เคยลุกมาขอนอนกับพ่อแม่เลย เก่งจริงๆ ลูกผม

แต่แล้วคืนหนึ่งเมื่อเดือนก่อน ตอนกลางดึกผมตื่นเพราะเอื้องมาจับแขนเขย่าเบาๆ

"พ่อคะ ขอเอื้องนอนด้วยนะ ที่ห้องเอื้องมีใครไม่รู้จะขึ้นมานอนเบียดเอื้องเรื่อยเลย"

"ฝันร้ายมั้งลูก?" ผมบอกแล้วลุกขึ้นพาลูกกลับไปที่ห้อง เปิดไฟหัวเตียง ทุกอย่างดูปกติดี เอื้องขยี้ตา ทำท่างัวเงียแล้วออดอ้อน...แกบอกว่าใครคนนั้นผลักแกตกเตียงจนนอนไม่ได้ ผมไม่อยากใจอ่อนหรอกครับ เพราะเมื่อมีครั้งแรกมันก็ต้องมีครั้งต่อไป แต่มองนาฬิกามันตีสองครึ่งแล‰ว ผมเองก็ง่วงเหมือนกัน

ขืนเถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมเลยเอาแกมานอนตรงกลาง อ้อยดีใจกว่าลูกอีก นอนกอดนอนหอมลูกจนหลับสนิทไปทั้งคู่

คืนต่อมา ผมว่าแล้ว เดาอะไรไม่ผิดเลย! เอื้องมาปลุกผมเวลาเดิมเลยครับ บอกว่าใครคนนั้นมากวนแกอีกแล้ว

"เขาเป็นผู้ชาย มาทำหน้าตาน่ากลัวไล่เอื้องลงจากเตียง" แกพูดซื่อๆ ผมเห็นว่า นั่นคือจินตนาการของเด็กน้อย ซึ่งผมจะยอมต่อไปไม่ได้ ต้องแก้ไขด่วน

"เอางี้นะ" ผมเล่นแง่จิตวิทยา "พ่อจะไปไล่เขาเอง ถ้าพ่อไล่เขาไปแล้วเอื้องจะนอนคนเดียวได้มั้ยลูก?" เอื้องพยักหน้ารับอย่างดีใจ

คืนนั้นผมไปนอนเตียงของลูก ไม่ต้องห่วงครับ เตียงนี้ผมซื้อเผื่อลูกโตเลยละ เป็นเตียงเดี่ยวที่ผู้ใหญ่นอนได้สบายๆ ผมไม่ได้คิดอะไรมาก แค่พรุ่งนี้เช้าก็จะบอกลูกว่าพ่อไล่เขาเตลิดเปิดเปิงไปแล้วล่ะ! แค่นี้ก็เรียบร้อย...แต่มันไม่อย่างนั้นน่ะซีครับ!

ก่อนตีสองเล็กน้อย ผมตื่นขึ้นมา ไม่รู้ด้วยซ้ำอะไรทำให้ตื่น แต่ก็ดีเหมือนกัน ลุกเข้าห้องน้ำซะหน่อยแล้วกลับมานอนต่อ.....ผมเข้าห้องน้ำโดยไม่เปิดไฟ อาศัยความคุ้นชิน

ขณะที่มาถึงเตียง ล้มตัวลงหนุนหมอน หางตาผมเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในความมืด ผมเลยหันไปมองตรงๆ

มันเป็นแสงหม่นๆ รางๆ มัวซัวสีออกเขียวๆ เหมือนพรายน้ำดวงเท่าฝ่ามือเคลื่อนไหวอยู่ที่ตู้เสื้อผ้าเหมือนมีชีวิต ตอนแรกผมนึกว่าตาฝาด แต่ไม่ใช่แฮะ รีบลุกขึ้นนั่งจ้องมองมันพักใหญ่ แล้วก็ต้องขนหัวลุกซู่...

ภายในแสงนั้นเป็นใบหน้าผู้ชายแก่ๆ เหมือนคนจีน โบราณ ไว้เปียและเป็นใบหน้าที่ดุดัน มุ่งร้ายหมายขวัญมาก

"ออกไปนะ" ผมคำรามเบาๆ ทั้งตกใจทั้งกลัว แต่นี่มันห้องลูกสาวผมนะ! เอื้องพูดถูก แกไม่ได้ออดอ้อนหรือจินตนาการ ผมตั้งสติได้ รู้สึกโกรธเกรี้ยวมากกว่าหวาดกลัวซะอีก นี่ถ้าเป็นที่อื่นอย่างโรงแรมหรือบ้านเช่าผมต‰องเผ่นแน่...แต่นี่บ้านผมครับ!

ใบหน้ามีแสงหม่นๆ นั่นพุ่งเข้าใส่ผม ส่วนผมก็พุ่งหมัดสวนออกไป กำปั้นวืดผ่านสิ่งที่เย็นชืดน่าขยะแขยง...เหลือเชื่อ! ผมชกถูกมันอย่างจัง อย่าถามเลยครับว่าเป็นไปได้ยังไง ผมเองก็งงๆ แต่คิดว่าคงเป็นพลังจิตผมแกร่งกว่ามัน ผมเห็นมันบิดเบี้ยว แสดงอาการพ่ายแพ้..มันกลัว และหายไปทางหน้าต่าง

ผมรู้สึกว่าห้องโล่งเบาและสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมาทันที...มันไปแล‰ว!

เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเพื่อนของอ้อยชอบสะสมเหรียญและของโบราณ ก็เลยเอาของเก่าของคุณตาที่เพิ่งเสียมาให้ หนึ่งในนั้นเป็นเบี้ยจีนโบราณ วิญญาณร้ายคงมากับสิ่งนี้แน่ ตอนนี้อ้อยคืนเพื่อนไปแล้วละครับ!

เรื่องเล่าจาก ข่าวสด

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

ท่าน้ำผีสิง


ท่าน้ำผีสิง
"ขุนอาจ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบางกระบือผมเป็นคนกลัวผีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ ยิ่งได้ยินเขาบอกว่า
ใครยิ่งกลัวผีก็จะโดนผีหลอกบ่อยๆ เพราะผีรู้ว่าใครกลัวมันก็คอยจ้องจะหลอกหลอนท่าเดียว ทำให้ผมยิ่งกลัวจนขนลุกขนพองขึ้นไปอีก

เหมือนกับคนกลัวหมามักจะโดนหมากัดน่ะแหละ เพราะร่างกายจะหลั่งสารบางอย่างออกมาให้หมารู้ว่ากลัวมัน
หมาก็จะแร่เข้างับน่องทันทีคนไม่กลัวผีมักไม่โดนผีหลอก คนไม่กลัวหมาก็มักจะไม่โดนหมากัด!เรื่องนี้ต้องเห็นใจคนปอดแหกอย่างพวกเรานะครับ

ผมเป็นคนบางกระบือ เคยได้ยินว่าพวกมีสียกโขยงมาตีกับนักเลงที่ท่าน้ำเขียวไข่กา ราวๆ สามทุ่มเศษ พวกนักเลงสู้ไม่ไหวเผ่นหนีกระเจิงไปตามๆ กัน
บางคนวิ่งหนีมาทางศาลานกกระจอกที่สี่แยกก็มี กระโจนลงน้ำหนีก็มี

พวกคนมีสีตามไล่ไปจนถึงท่าน้ำ แต่ไม่ถึงขนาดกระโดดตามลงไปหรอกครับ...บังเอิญมีร่างดำทะมึนโผล่พรวดขึ้นมาบนโป๊ะ
คนมีสีเงื้อกำปั้นขึ้นสุดล้า กะว่าโครมเดียวหล่นน้ำตูม

"เฮ้ย! ไม่ใช่คนโว้ย..."

เสียงเพื่อนร้องบอกเล่นเอาชะงัก จ้องมองจนเห็นว่าร่างนั้นคือซากอสุภที่โผล่มายืนจังก้า เล่นเอาผงะหน้าร้องเฮ้ยๆๆ หันหลังกลับ
เผ่นอ้าวออกจากท่าเขียวไข่กา..รวดเดียวไปหอบแฮกๆ ที่วงเวียนเกียกกาย แทบจะขาดใจตายไปตามๆ กัน

เห็นไหนครับ อย่าว่าแต่ธรรมดาๆ อย่างผมเลย ขนาดคนมีสีหรือนักเลงใหญ่หลายคน ล้วนแต่พูดตรงกันว่า..เรื่องชกต่อยหรือตีรันฟันแทงไปกลัวใคร
ขอให้เรียงหน้าเข้ามาเถอะ รับรองว่าเลือดแดงเถือกไปซอยซีน่า


แต่เรื่องผีไม่เอา...ไปไกลๆ เลย มันไม่ไปก็ไม่เป็นไร เรานี่แหละจะเป็นฝ่ายไปเอง...คือวิ่งหนีน่ะซี!สมัยผมเด็กๆ
เคยตามยายไปเล่นไพ่ผ่องไทยที่บ่อนป้าพริ้ม ในซอยวัดจันทร์สโมสร หน้าตลาดบางกระบือ เป็นบ่อนตีตั๋วถูกกฎหมาย ไม่ต้องกลัวโดนตำรวจจับ

เล่นกันตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืนนะครับ หลังจากนั้นใครอยากเล่นต่อก็ย้ายขึ้นไปเล่นชั้นบน...เสี่ยงตำรวจเอาเองแล้วกัน
"ยายเพี้ยน" อายุราว 70 ปี ผมขาวโพลนไปทั้งหัว เป็นคนฝั่งธนฯ ลงเรือไอข้ามฟากมาขึ้นที่ท่าเขียวไข่กา
แล้วนั่งสามล้อมาที่บ่อนป้าพริ้ม ตอนดึกๆ บ่อนเลิกก็หาสามล้อไปที่ท่าน้ำ แล้วนั่งเรือจ้างที่คุ้นๆ หน้ากันข้ามแม่น้ำเข้าคลองซอยจนถึงบ้าน

ถามว่าทำไมไม่ไปท่าวัดจันทร์? แกบอกกลัวหมาจะรุมฟัดตายน่ะซีแต่หลายๆ ครั้งกว่าแกจะออกจากบ่อนก็ปาเข้าไปตีห้า
ผู้คนเริ่มออกมาจ่ายตลาดพอดี...บางคนบอกว่าแกเป็นคนบางพลัด แต่บางคนก็ว่าบางอ้อ ที่แน่ๆ คือยายผลมีเรื่องน่าขนหัวลุกมาเล่าเป็นประจำ!

จะจริงเท็จยังไงลองฟังดูนะครับอาทิตย์ก่อน บ่อนเลิกแกนั่งสามล้อไปถึงท่าน้ำ เห็นใครนั่งยองๆ มีผ้าขาวม้าคลุมหัว สูบยาแดงวาบๆ อยู่บนโป๊ะ
พอเดินไปถึงกลับไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว ยายเพี้ยนคิดว่าแกคงตาฝาดไป เพราะจ้องไพ่พวกเจ็ดนก-หกละเอียดมาตั้งหลายชั่วโมง

ที่ไหนได้ล่ะ พอลงเรือตาผูกขาประจำ แจวออกมาได้อึดใจเดียวหันไปดูอีกทีก็แทบตกน้ำตกท่าเพราะอารามอกสั่นขวัญหายสุดขีด...
ร่างของใครผู้นั้นยังนั่งสูบยาแดงวั่บๆ อยู่ที่เดิม!เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ยายเพี้ยนเล่าว่าแกโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ

ยายเพี้ยนนั่งเรือไอมากับคนอื่นๆ มีเด็กชายไว้ผมจุก สวมเสื้อป่านคอกลมหน้าตาน่ารักนั่งอยู่ข้างๆ คนเดียว
ไม่เห็นมีผู้ใหญ่ที่จะเป็นพ่อแม่นั่งมาด้วย แต่แกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก...จนกระทั่งเรือเทียบท่า

ใครๆ เข้าขึ้นจากเรือกันหมด แต่เจ้าจุกก็ยังนั่งเฉยอยู่กับที่ แกเองก็รีบขึ้นเหมือนกัน แต่เมื่อเหยียบโป๊ะหันไปมองก็แทบจะพลัดตกน้ำอีกครั้ง

เด็กผมจุกหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้!

เรื่องของยายเพี้ยนมีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ บางคนก็หาว่าแกตาฝาดไปเองตามประสาคนแก่ แถมคอยจ้องแต่สี่มะเขือผ่า - ห้าแตงโมอยู่ตลอด..
บางคนถึงกับนินทาว่าแกแต่งนิยายเอง เชื่อเป็นตุเป็นตะไปเอง พลอยทำให้คนอื่นๆ ขนหัวลุกไปด้วยน่ะซี

คนที่เชื่อก็บอกว่า เด็กๆ กับคนแก่น่ะจะมีจิตอ่อนไหวเป็นพิเศษยิ่งกว่าคนหนุ่มสาว ทำให้มองเห็นและได้ยินในสิ่งที่คนทั่วๆ ไปไม่ได้ยิน
จึงมองเห็นหรือได้ยินทั้งภาพและเสียงภูตวิญญาณที่เป็นสัมภเวสี หรือผีเร่ร่อนได้ง่ายๆ

คนสองวัยนี้จึงมีโอกาสถูกผีหลอกมากที่สุด!

อาทิตย์สุดท้าย ยายเพี้ยนโผล่เข้ามาตอนบ่าย ป้าพริ้มต้องให้น้านุ้ย-ลูกชายคนโต "ขัดขา" ไปก่อน..ยายเพี้ยนเดินช้าๆ ไปเข้าห้องน้ำด้านขวา
หายเงียบไปนานจนน้านุ้ยนึกขึ้นได้ พวกขาไพ่ก็ตกใจไปตามๆ กัน

"ไปดูเร็วเข้า แกคงเป็นลมไปแล้วละมั้ง?"ที่ไหนได้ ห้องน้ำว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของยายเพี้ยนแม้แต่น้อยนิด!ร้องเอะอะช่วยกันหา แต่ก็ไม่เห็นจริงๆ
สงสัยว่าแกคงจะออกไปหาซื้อหมากพลูกินตามประสาคนแก่ ที่บ่อนเลี้ยงอาหารกับขนมเท่านั้น
พวกบุหรี่หรือน้ำชากาแฟต้องสั่งซื้อเอาเอง..แต่ก็ตามหาตัวยายเพี้ยนไปพบ ทั้งๆ ที่เห็นแกมากันทุกคน

มารู้ทีหลังว่ายายเพี้ยนเป็นลมอยู่ในเรือ เมื่อมาถึงท่าเขียวไข่กาเขาก็พาแกไปส่งวชิรพยาบาล แต่แกไปสิ้นลมที่นั่นเอง..
มีแต่วิญญาณเท่านั้นแหละที่โลดลิ่วมาหาพวกเรา ทำให้ขนหัวลุกไปตามๆ กัน!

รายการบล็อกของฉัน