ค้นหา

ที่นี่มีผี..รวมเรื่องลึกลับสยองขวัญสั่นประสาทตาเหลือกตากลับ
บางทีก็น่ากลัวบางทีก็ไม่น่ากลัวรวมๆกันไป
ที่นี่เปิด รับทุกอย่างที่เกี่ยวกับผีๆวิญญาณ
ท่านใดชอบเรื่องผีหรือมีคลิปผีถ่ายติดวิญญาณ.. น่าสนใจ..
ติดต่อส่งตั้งกระทู้มาที่ ghost-in-manman ด้านข้างครับ
แนะนำข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเชิญได้ครับ
ดูเว็บ ghost-in-manman แล้วหาความรู้เพิ่มเติม..ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ครับ
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆที่ให้ความสนใจและ ให้ข้อมูลเรื่องน่ากลัวๆเรื่องประสบการณ์ทางวิญญาณ มาทางเราจะนำมาลงให้อ่านกันในครั้งต่อไปนะครับ.....
อย่าลืมดูเว็บ ghost-in-manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

เชื่อหรือไหม

เชื่อหรือไหม
1.อย่าเคาะจานข้าว เวลารับประทานอาหาร โบราณท่านถือว่า ห้ามเคาะจานข้าว เพราะจะเป็นการเรียนวิญญาณที่พเนจร เมื่อได้ยินเสียงเราเคาะจาน ก็จะพากันมาแย่งเรากินข้าว กินอาหารคาวหวานท่านต้องเคยเห็นเวลาเราไหว้ศพ หรือไหว้วันสำคัญ เราจะจัดชุดสำหรับพวกผีไม่มีญาติ และทำพิธิเรียกมากิน โดยใช้การเคาะถ้วยชาม ดังนั้นผู้ใหญ่จึงถือมาก ห้ามลูกหลานเคาะจานชามเวลากินข้าว

2.กลางคืนห้ามกวาดบ้าน การกวาดบ้านเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากของคนไทย แทบทุกบ้าน จะต้องกวาดบ้าน แต่?ในอเมริกาใช้การดูดฝุ่นแทน เพราะพื้นบ้านเขานั้นปูพรม จึงไม่มีคำโบราณห้ามไว้ว่า "ห้ามดูดฝุ่นตอนกลางคืน" แต่สำหรับคนไทยนั้น โบราณถือกันมาก "การกวาดบ้านกลางคืน" เพราะการกวาดบ้านตอนกลางคืนนั้นจะ "กวาดเงินกวาดทองออกจากบ้าน" แต่? จริงๆ ผมคิดว่า คนโบราณสอนให้ลูกหลาน ระวังของมีค่าจะถูกกวาดทิ้งไป เพราะกลางคืนสมัยก่อนมืดมาก ไม่มีไฟฟ้าใช้สว่างไสวเหมือนทุกวันนี้ งดได้ก็ดีนะครับ เพราะการกวาดบ้านกลางคืนมันไม่เหมาะสมทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะกลางคืนเป็นเวลาพักผ่อน !!

3.เผาศพวันศุกร์ "วันศุกร์" เป็นวันแห่งโชคลาภ วันแห่งความร่มเย็นมีความสุข "วันศุกร์" จึงเหมาะแก่งานมงคลมากกว่า เช่น แต่งงานขึ้นบ้านใหม่ หรือฉลองพิธีต่างๆ จึงไม่นิยมจัดงานอัปมงคลกันในวันศุกร์ ดังนั้น?.วันศุกร์ งดการเผาศุกร์ เพราะ?เป็นการให้ทุกข์กับคนเป็น ผู้คนส่วนมากจึงนิยมแต่งงานในวันศุกร์ และไม่มีงานเผาศพในวันศุกร์ "วัน"?.ก็มีความสำคัญกับการดำรงชีวิตของมนุษย์.....

ในสมัยโบราณหากกล่าวถึงการกิจอันยิ่งใหญ่ของ " ชายชาตรี " เห็นทีจะหนีไม่พ้นเรื่องการเป็น " ทหาร " รับใช้ชาติบ้านเมืองยามมีศึกสงคราม ส่วน " กุลสตรีไทย " นั้นก็มีการกิจอันยิ่งใหญ่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไม่แพ้กัน นั่นคือ " การตั้งครรภ์และการให้กำเนิดลูก " ที่เป็นเช่นนี้ ก็เนื่องมาจากว่า ในสมัยก่อนวิทยาการทางการแพทย์ยังไม่เจริญก้าวหน้าอย่างเช่นในปัจจุบัน การดูแลรักษาครรภ์อีกทั้งการคลอดลูกแต่ละครั้งจึงนับเป็นเรื่องยากที่ต้องอาศัย?
ความระมัดระวังอย่างมาก ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่เป็นคำสอนเป็น " ความเชื่อ "
ของคนรุ่นเก่าผู้มากด้วยประสบการณ์จึงได้รับการยอมรับ และปฏิบัติตามอย่างเชื่อมั่น ปราศจากข้อสงสัยหรือข้อโต้แย้งใดๆ ทุกวันนี้แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีหรือที่เรียกกันว่ายุค " โลกาภิวัตน์ " แล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เป็น " ความเชื่อโบราณ " ในเรื่องของการดูแลครรภ์นั้นยังคงหลงเหลืออยู่ในสังคมไทย บ่อยครั้งที่ความเชื่อเหล่านี้ได้สร้างความสับสนให้กับคุณแม่ยุคใหม่ซึ่งไม่ทราบว่าควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำของใครดี ระหว่างคุณแม่ คุณยาย คุณย่า คุณป้า ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนกับสูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

รายการบล็อกของฉัน