ค้นหา

ที่นี่มีผี..รวมเรื่องลึกลับสยองขวัญสั่นประสาทตาเหลือกตากลับ
บางทีก็น่ากลัวบางทีก็ไม่น่ากลัวรวมๆกันไป
ที่นี่เปิด รับทุกอย่างที่เกี่ยวกับผีๆวิญญาณ
ท่านใดชอบเรื่องผีหรือมีคลิปผีถ่ายติดวิญญาณ.. น่าสนใจ..
ติดต่อส่งตั้งกระทู้มาที่ ghost-in-manman ด้านข้างครับ
แนะนำข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเชิญได้ครับ
ดูเว็บ ghost-in-manman แล้วหาความรู้เพิ่มเติม..ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ครับ
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆที่ให้ความสนใจและ ให้ข้อมูลเรื่องน่ากลัวๆเรื่องประสบการณ์ทางวิญญาณ มาทางเราจะนำมาลงให้อ่านกันในครั้งต่อไปนะครับ.....
อย่าลืมดูเว็บ ghost-in-manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทางสามแพร่ง สุขุมวิทใจกลางกรุงเทพฯ

"หนูปิ่น" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกที่ทางสามแพร่งหน้าบ้านบ้านหน ูอยู่ถนนสุขุมวิทใจกลางกรุงเทพฯ นี่เอง แต่อยู่หัวมุมตรงทางสามแพร่งพอดี หนูเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่เขาพูดถึงทางสามแพร่งบ่อยๆ ว่าไม่ดีบ้าง เป็นอัปมงคลบ้าง หนูก็สงสัยซิคะว่ามีสาเหตุจากอะไร?

พอเอาเรื่องนี้ไปถามคุณยาย ท่านก็บอกว่าเป็นคนเชื่อมาแต่ครั้งโบราณแล้ว ว่าสิ่งที่ไม่เป็นมงคลต่างๆ คือเคราะห์ร้ายและภูตผีล่องลอยมาตามหนทาง ไม่มีทางไปก็จะสิงสู่อยู่ที่ทางสามแพร่งนี่แหละ

หนูถามต่อว่าทำไมคนถึงเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้ล่ะคะ? คุณยายก็อดหัวเราะไม่ได้ ตอบว่าผีไม่ใช่คน มันมาจากทางตรงแล้วไปไหนไม่ถูก ไม่เหมือนกับสี่แยกจะได้ผ่านเลยไปได้

คุณยายคงเห็นหนูทำท่าจะซักต่อ เลยตัดบทว่าไม่ต้องกลัวหรอกเพราะเขาหมายถึงบ้านที่ปล ูกขวางทางสามแพร่งเท่านั้น บ้านเราอยู่ตรงหัวมุมก็ไม่เป็นไร

บ้านที่ว่าปลูกขวางอยู่ตรงข้ามนี่เอง มีกำแพงอิฐบล็อกยาวและมีเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งด้วย เมื่อต้นปีมีรถมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าชนรั้วตอนหัวค่ำ คนขับสวมหมวกกันน็อกเลยไม่เป็นไร คนไปดูอาการก็เห็นเขากำลังยืนมองซ้ายมองขวางงๆ เลยถามว่าเมามาหรือเปล่า?

เขาตอบยังไงทราบไหมคะ...ผมไม่ได้กินเหล้าซักอึก แต่เห็นทางโล่งๆ อยู่ข้างหน้าเลยพุ่งไปชนอะไรตูม ลุกขึ้นมาถึงได้มองเห็นรั้วนี่เอง ซอยนี้แปลก เหมือนมีผีบังตางั้นแหละ

เสียงใครพึมพำว่า...ทางสามแพร่งไง!

ต่อมาหนูสังเกตเห็นมีธูปปักอยู่ตรงโคนเสาไฟฟ้าบ้าง มีอาหารคาวหวานใส่กระทงใบตองมาวางไว้บ้าง เห็นหมาแถวนั้นเข้าไปดมๆ แล้วเดินเลี่ยงไป ไม่กินหรอกค่ะ แต่บางทีก็เห็นกระทงเปล่าๆ หมาอาจจะกินหมดแล้วก็ได้ แต่หนูยังไม่เคยเห็นพวกมันกินอาหารในกระทงซักที

เดือดร้อนต้องไปถามคุณยาย ท่านก็อมยิ้มแล้วเอื้อมมือมาขยี้ผมหนูเล่น...ช่างซัก นัก เด็กคนนี้...เขาเอาของกินมาเซ่นผีน่ะ!

เอาละซี! ทีนี้เลยเป็นเรื่องว่าเซ่นผีคืออะไร? เอาอาหารมาให้ผีกินหรือคะ? แล้วผีมากินตอนไหน? กลางวันหรือกลางคืน? เห็นผีกินหรือเปล่า? ไม่เห็นแล้วทำไมถึงรู้ว่าผีมันกินล่ะเจ้าคะ?

คุณยายต้องตัดบทว่าเป็นความเชื่อของคนเราที่พิสูจน์ไ ม่ได้ เหมือนเชื่อว่านรกสวรรค์มีจริงนั่นละ ถ้าเราเชื่อถืออะไร หรือทำอะไรตามความเชื่อมั่นของเรา โดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนก็ถือว่าไม่ใช่ความผิด

จนกระทั่งวันหนึ่ง หนูก็ได้พบเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้สงสัยว่าคุณยายคง จะเข้าใจผิดเสียแล้วค่ะ

เย็นนั้นหนูเข้าไปเล่นกับเพื่อนบ้านติดๆ กันจนเกือบค่ำ ได้ยินคุณยายร้องเรียกให้มาอาบน้ำกินข้าว หนูก็ออกจากประตูรั้วมา เลี้ยวซ้ายจะเข้าบ้านตัวเอง บังเอิญมองเห็นอะไรบางอย่างที่โคนเสาไฟฟ้าริมรั้วนั่ นเข้าพอดี

เด็กชายคนหนึ่งอายุราวสิบขวบ กำลังนั่งยองๆ ก้มหน้าก้มตาใช้มือหยิบอาหารในกระทงใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ จนหนูหยุดจ้องมองเพราะเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

สรรพสิ่งเหมือนจะเงียบเชียบไปหมดสิ้น!

ไม่มีรถราแล่นผ่าน ไม่มีคนเดินไปมา อากาศเย็นยะเยือกชอบกล แสงไฟเริ่มสว่างขึ้น ขณะที่เด็กชายผู้นั้นชะงักมือเหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนจ ้องมอง...เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหนูเหมือนภาพสโลว์โมชั่น

ใบหน้าขาวซีด มีรอยมอมแมมที่ข้างแก้ม แสงไฟเหนือหัวทำให้เกิดรูปเงาแปลกๆ ที่ใบหน้านั้น หนูเอียงคอมองอย่างสงสัย ก็พอดีได้ยินเสียงเบาๆ ค่อนข้างสั่นเครือดังขึ้นว่า...ฉันหิว!

เข้าใจแล้ว! หนูรีบวิ่งตื๋อเข้าบ้าน ร้องเรียกคุณยายแจ้วๆ ท่านกำลังยกฝาชีครอบกับข้าวบนโต๊ะพอดี เพราะพ่อแม่หนูจวนจะกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้านแล้ว

รีบเล่าเรื่องเด็กชายน่าสงสารกำลังนั่งยองๆ กินอาหารในกระทงตรงทางสามแพร่งพอดี

"ไม่ได้เซ่นผีหรอกค่ะ คุณยายขา คนนี่แหละมากิน! หนูเห็นกับตา...ขอข้าวขอแกงไปให้เขากินนะคะ ของในกระทงมีนิดเดียวเขาคงไม่อิ่มหรอกค่ะ"

คุณยายหาว่าหนูตาฝาด เลยต้องฉุดมือออกไปดูด้วยกัน

"นั่นไงคะ" หนูชี้มือไปที่โคนเสาไฟฟ้า "ทำไมมือคุณยายเย็นจัง? เอ๊ะ..."

หนูร้องเมื่อเห็นบริเวณนั้นวางเปล่า มีแต่กระทงสอง-สามใบวางอยู่ตามเดิม แต่เด็กผู้ชายคนนั้นไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ เพียงแต่แกกำลังเดินผละไปในแยกซ้ายมือ...ห่างออกไปทุ กทีจนลับตา

"คุณยายเห็นไหมคะ เด็กคนนั้นแหละค่ะ เราเรียกเขามากินข้าวดีมั้ยคะ?"
หนูเขย่ามือเย็นเฉียบของท่าน แต่คุณยายตอบเสียงสั่นๆ ว่า เขากินอิ่มแล้วละ อย่าไปกวนใจเขาเลย...แล้วรีบจูงมือหนูเข้าบ้านทันที น่าสงสารเด็กคนนั้นจังค่ะ!

รายการบล็อกของฉัน