เสื้อกราวส์ที่แขวนไว้
ตั้งเเต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ผมก็ได้รับรู้เรื่อง ราวประหลาดๆมากมายจากบรรดารุ่นพี่ที่อยู่มาก่อน ทั้งที่คณะเเละที่หอพัก*****
ผมพักที่ห้องพักของผมในหอพักมหาวิทยาลัยมาได้เป็นเวลา 2 เทอม ตั้งเเต่เริ่มเข้ามาพักยังไม่มีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นที่ห้อง ที่นี่ผมมีพี่เมทเรียนเภสัชอยู่ 2 คนซึ่งทั้งคู่ใจดีกับผมมาก วันนั้นเป็นช่วงเรียนซัมเมอร์เเต่ผมไม่ได้ลงทะเบียนเรียนจึงไม่ได้อยู่หอ เเต่บังเอิญมีธุระกับที่คณะจึงมาพักแบบจ่ายเงินรายวัน คืนนั้นมีพี่อีกคนหนึ่งมาพักด้วยจึงทําให้เตียงไม่พอ ด้วยความเกรงใจพี่ที่มาขอพักด้วยจึงขอนอนเตียงพับซึ่งผมซื้อเอาไว้ฉุก เฉิน(เอาไว้หิ้วไปนอนที่คณะ) เเต่ผมบอกว่าไม่เป็นไรเพราะผมเองก็ชินกับเตียงพับตัวนี้ อีกอย่างเตียงหอพักทั้งสามเตียงก็เรียงติดกัน การได้เเยกมานอนเตียงพับของตัวเองมันรู้สึกเท่อย่างบอกไม่ถูก หนําซํ้าตําเเหน่งที่วางก็จะอยู่เเนวขวางที่ปลายตีนเตียงทั้งสามทําให้ผมสํา นึกในความเป็นรุ่นน้องมากขึ้น(ปกติผมไม่ค่อยสํานึก..
พวกรุ่นพี่จึงมักเรียก ผมว่า"ไอ้เด็กเวร") นี่กระมังอาจเป็นวิธีเดียวที่ผมสามารถอุทิศให้รุ่นพี่สุดเลิฟของผมได้ เนื่องจากห้องของผม(จริงๆก็ทุกห้องเเหละ)มีประตูหน้าเเละประตู ระเบียงทะลุถึงกันอยู่กลางห้อง ตําเเหน่งเตียงพับของผมจึงอยู่ตามเเนวประตูพอดีนั่นคือหัวหันไปทางประตูทาง เข้าเเละตีนเตียงหันไปทางประตูระเบียง ตอนนี้เท่ากับว่าผมนอนขวางประตูเต็มๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศที่หัวหันไปคือทิศ ตะวันตก
เย็นวันนั้นพี่เมทผมคนหนึ่งนําเสื้อกราวส์(เหมือนที่พวกเด็กแพทย์ ใช้)มาซักเเต่โชคไม่ดีคํ่าวันนั้นฝนตก (ตอนหลังผมจึงรู้ว่าไอ้โชคที่ไม่ดีน่ะมันเป็นของผม) "เฮียรัน"พี่เมทของผมจึงเอาเข้ามาแขวนตากไว้ที่ปลายเตียงของผมพร้อม ทั้งที่ตากผ้าแบบขาตั้งที่ใช้กันทั่วไปก่อนที่พวกเราจะนอน เอาล่ะลองมาทบทวนตําเเหน่งที่ผมนอนอีกครั้ง ถ้าผมหันไปด้านซ้ายผมจะเจอเท้าของพี่ๆผมตลอดเเนวเตียงของผม หันไปทางขวาเจอกําเเพง หัวหันไปทางประตูหน้า เท้าหันไปทางประตูระเบียงที่เปิดอยู่(ปกติผมจะปิด)กับเสื้อกราวส์ที่เเขวน อยู่บนที่ตากผ้า
กลางดึกคืนนั้นผมตื่นขึ้นมาเเล้วเห็นอะไรลางๆที่ปลายเท้าของผมจึงลืม ตาขึ้นมองเเล้วก็หลับตาต่อ เพราะตอนนั้นก็จําได้ว่ามีเสื้อกราวส์เเขวนอยู่ที่ปลายเท้า แต่รู้สึกว่าที่เห็นน่ะมันเเปลกๆ ก่อนจะลืมตามองอีกครั้งผมตั้งสติพร้อมกับขออย่าให้เป็นอย่างที่ผมเดาเอาไว้ ผมลืมตาเพื่อความเเน่ใจ เออ..เเปลกจริงๆด้วย แฮะ ทําไมเสื้อกาวส์ที่เห็นว่าตัวลีบๆเมื่อตอนคํ่ามันกางออกพริ้วเชียว เเถมยังลอยไปมาให้เห็นอยู่หน้าประตู ผมไม่น่าลืมตามองชัดๆอย่างนั้นเลย "ชิบหายเเล้วกู!"
ตอนนี้ผมนึกอะไรไม่ออกจึงใช้วิธีไม้ตายสมัยยังเด็ก แกล้งหลับ!(คล้ายๆเเกล้งตายเวลาเจอหมี) หลังจาก พยายามสวดมนต์สารพัดบทเท่าที่จะนึกได้แล้วผมก็หรี่ตาดูพร้อมกับเเกล้งละเมอ พลิกตัวไปทางขวาหากําเเพงทําให้ผมยังเห็นเสื้อกราวส์ตัวนั้นบินอยู่"ทําไม มันยังไม่ไปวะ"ผมเริ่มหนาวไปทั้งตัวทั้งที่ตอนที่ตื่นรู้สึกเหมือนร้อนๆ ผมเริ่มคิดอีกครั้งขณะที่พลิกตัววนกลับไปหาเท้าของบรรดา พี่ๆทางด้านซ้ายของเตียงผมพร้อมกันนั้นก็หรี่ตาดูไอ้เสื้อกราวส์เจ้ากรรมที่ ยังบินอยู่อย่างไม่รู้หน่าย เเต่ผมเบื่อเต็มทีเเล้วล่ะ เเล้วผมก็นึกได้ ผมมีพี่ๆที่น่ารักอยู่บนเตียงตั้งสามคนนี่นา ว่าเเล้วผมซึ่งขณะนี้กําลังหันไปทางบรรดาเท้าของพี่ๆผมก็เตรียมพุ่งขึ้น เตียงหอพักที่เรียงกันอยู่เพื่อปลุกพี่เมทของผม เเต่ผมก็ชะงักหนักกว่าเดิม(ถึงขั้นตาค้าง) เพราะตอนนี้ผมเห็นคนตัวใหญ่มากสองสามคนไม่ไช่พี่เมทผมเเน่(เพราะระยะมันเผา ขนมาก)นั่งจ้องผมเขม็งตรงตีนเตียงที่พวกพี่เมทผมนอนอยู่ "ทําไงดีวะ"ผมคิดขณะหรี่ตาพลิกตัวกลับมาอยู่ในท่านอนหงาย ไอ้เสื้อเวรนั่นก็บินไปบินมาไม่เลิก นี่ถ้ามันบินเร็วกว่านี้เท่าตัวผมอาจไม่กลัวก็ได้ นี่จังหวะที่มันบินก็สยองเหมือนในหนั่งผีฝรั่งยังไงยังงั้น! ผมก็พูดไปงั้นๆเเหละ ยังไงก็กลัวอยู่ดี...
ผมนอนหลับตาสวดมนต์ถูกบ้างผิดบ้างไปตามเรื่อง บรรยากาศเจ้ากรรมก็เงียบสงบดีเหลือเกิน จนกระทั่งมีเสียงเครื่องบินบินผ่าน ตอนนี้ผมยังไม่กล้าลืมตาเพราะไม่รู้ว่าจะเห็นอะไรอีกบ้าง จน มีเสียงเครื่องบินลําที่สองบินผ่านมา เอาวะ! ตายเป็นตาย คิดได้ดังนั้นผมก็หันไปทางซ้ายเเล้วพุ่งขึ้นเตียงของบรรดาพี่เมทผม แปลกดีที่ผมไม่กระโดดลงไปเหยียบโดนใครไม่งั้นผมคงโดนพวกนั้นรุม กระทืบ สักพักผมก็วิ่งไปเปิดสวิทช์ดวงใหญ่ ทุกอย่าง ยังคงเป็นเหมือนตอนหัวคํ่า เสื้อกราวส์ยังคงเเขวนอยู่ที่เดิม บรรดารุ่นพี่ที่หลับลึกของผมยังคงหลับเป็นกระบืออยู่เหมือนเดิม ผมนั่งหายใจหอบอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะปิดไฟเเล้วมาแทรกตัวนอนอยู่ ระหว่างบรรดาพี่เมทสุดเลิฟของผม
ก็เหมือนทุกๆคน ตอนเช้าผมเล่าเรื่องนี้ให้พวกรุ่นพี่ฟัง เเต่พวกรุ่นพี่ไม่ได้เล่าอะไรแปลกๆให้ผมฟังหรอก ตรงกันข้าม...ผมโดนด่าต่างหาก.
ตั้งเเต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ผมก็ได้รับรู้เรื่อง ราวประหลาดๆมากมายจากบรรดารุ่นพี่ที่อยู่มาก่อน ทั้งที่คณะเเละที่หอพัก*****
ผมพักที่ห้องพักของผมในหอพักมหาวิทยาลัยมาได้เป็นเวลา 2 เทอม ตั้งเเต่เริ่มเข้ามาพักยังไม่มีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นที่ห้อง ที่นี่ผมมีพี่เมทเรียนเภสัชอยู่ 2 คนซึ่งทั้งคู่ใจดีกับผมมาก วันนั้นเป็นช่วงเรียนซัมเมอร์เเต่ผมไม่ได้ลงทะเบียนเรียนจึงไม่ได้อยู่หอ เเต่บังเอิญมีธุระกับที่คณะจึงมาพักแบบจ่ายเงินรายวัน คืนนั้นมีพี่อีกคนหนึ่งมาพักด้วยจึงทําให้เตียงไม่พอ ด้วยความเกรงใจพี่ที่มาขอพักด้วยจึงขอนอนเตียงพับซึ่งผมซื้อเอาไว้ฉุก เฉิน(เอาไว้หิ้วไปนอนที่คณะ) เเต่ผมบอกว่าไม่เป็นไรเพราะผมเองก็ชินกับเตียงพับตัวนี้ อีกอย่างเตียงหอพักทั้งสามเตียงก็เรียงติดกัน การได้เเยกมานอนเตียงพับของตัวเองมันรู้สึกเท่อย่างบอกไม่ถูก หนําซํ้าตําเเหน่งที่วางก็จะอยู่เเนวขวางที่ปลายตีนเตียงทั้งสามทําให้ผมสํา นึกในความเป็นรุ่นน้องมากขึ้น(ปกติผมไม่ค่อยสํานึก..
พวกรุ่นพี่จึงมักเรียก ผมว่า"ไอ้เด็กเวร") นี่กระมังอาจเป็นวิธีเดียวที่ผมสามารถอุทิศให้รุ่นพี่สุดเลิฟของผมได้ เนื่องจากห้องของผม(จริงๆก็ทุกห้องเเหละ)มีประตูหน้าเเละประตู ระเบียงทะลุถึงกันอยู่กลางห้อง ตําเเหน่งเตียงพับของผมจึงอยู่ตามเเนวประตูพอดีนั่นคือหัวหันไปทางประตูทาง เข้าเเละตีนเตียงหันไปทางประตูระเบียง ตอนนี้เท่ากับว่าผมนอนขวางประตูเต็มๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศที่หัวหันไปคือทิศ ตะวันตก
เย็นวันนั้นพี่เมทผมคนหนึ่งนําเสื้อกราวส์(เหมือนที่พวกเด็กแพทย์ ใช้)มาซักเเต่โชคไม่ดีคํ่าวันนั้นฝนตก (ตอนหลังผมจึงรู้ว่าไอ้โชคที่ไม่ดีน่ะมันเป็นของผม) "เฮียรัน"พี่เมทของผมจึงเอาเข้ามาแขวนตากไว้ที่ปลายเตียงของผมพร้อม ทั้งที่ตากผ้าแบบขาตั้งที่ใช้กันทั่วไปก่อนที่พวกเราจะนอน เอาล่ะลองมาทบทวนตําเเหน่งที่ผมนอนอีกครั้ง ถ้าผมหันไปด้านซ้ายผมจะเจอเท้าของพี่ๆผมตลอดเเนวเตียงของผม หันไปทางขวาเจอกําเเพง หัวหันไปทางประตูหน้า เท้าหันไปทางประตูระเบียงที่เปิดอยู่(ปกติผมจะปิด)กับเสื้อกราวส์ที่เเขวน อยู่บนที่ตากผ้า
ตอนนี้ผมนึกอะไรไม่ออกจึงใช้วิธีไม้ตายสมัยยังเด็ก แกล้งหลับ!(คล้ายๆเเกล้งตายเวลาเจอหมี) หลังจาก พยายามสวดมนต์สารพัดบทเท่าที่จะนึกได้แล้วผมก็หรี่ตาดูพร้อมกับเเกล้งละเมอ พลิกตัวไปทางขวาหากําเเพงทําให้ผมยังเห็นเสื้อกราวส์ตัวนั้นบินอยู่"ทําไม มันยังไม่ไปวะ"ผมเริ่มหนาวไปทั้งตัวทั้งที่ตอนที่ตื่นรู้สึกเหมือนร้อนๆ ผมเริ่มคิดอีกครั้งขณะที่พลิกตัววนกลับไปหาเท้าของบรรดา พี่ๆทางด้านซ้ายของเตียงผมพร้อมกันนั้นก็หรี่ตาดูไอ้เสื้อกราวส์เจ้ากรรมที่ ยังบินอยู่อย่างไม่รู้หน่าย เเต่ผมเบื่อเต็มทีเเล้วล่ะ เเล้วผมก็นึกได้ ผมมีพี่ๆที่น่ารักอยู่บนเตียงตั้งสามคนนี่นา ว่าเเล้วผมซึ่งขณะนี้กําลังหันไปทางบรรดาเท้าของพี่ๆผมก็เตรียมพุ่งขึ้น เตียงหอพักที่เรียงกันอยู่เพื่อปลุกพี่เมทของผม เเต่ผมก็ชะงักหนักกว่าเดิม(ถึงขั้นตาค้าง) เพราะตอนนี้ผมเห็นคนตัวใหญ่มากสองสามคนไม่ไช่พี่เมทผมเเน่(เพราะระยะมันเผา ขนมาก)นั่งจ้องผมเขม็งตรงตีนเตียงที่พวกพี่เมทผมนอนอยู่ "ทําไงดีวะ"ผมคิดขณะหรี่ตาพลิกตัวกลับมาอยู่ในท่านอนหงาย ไอ้เสื้อเวรนั่นก็บินไปบินมาไม่เลิก นี่ถ้ามันบินเร็วกว่านี้เท่าตัวผมอาจไม่กลัวก็ได้ นี่จังหวะที่มันบินก็สยองเหมือนในหนั่งผีฝรั่งยังไงยังงั้น! ผมก็พูดไปงั้นๆเเหละ ยังไงก็กลัวอยู่ดี...
ผมนอนหลับตาสวดมนต์ถูกบ้างผิดบ้างไปตามเรื่อง บรรยากาศเจ้ากรรมก็เงียบสงบดีเหลือเกิน จนกระทั่งมีเสียงเครื่องบินบินผ่าน ตอนนี้ผมยังไม่กล้าลืมตาเพราะไม่รู้ว่าจะเห็นอะไรอีกบ้าง จน มีเสียงเครื่องบินลําที่สองบินผ่านมา เอาวะ! ตายเป็นตาย คิดได้ดังนั้นผมก็หันไปทางซ้ายเเล้วพุ่งขึ้นเตียงของบรรดาพี่เมทผม แปลกดีที่ผมไม่กระโดดลงไปเหยียบโดนใครไม่งั้นผมคงโดนพวกนั้นรุม กระทืบ สักพักผมก็วิ่งไปเปิดสวิทช์ดวงใหญ่ ทุกอย่าง ยังคงเป็นเหมือนตอนหัวคํ่า เสื้อกราวส์ยังคงเเขวนอยู่ที่เดิม บรรดารุ่นพี่ที่หลับลึกของผมยังคงหลับเป็นกระบืออยู่เหมือนเดิม ผมนั่งหายใจหอบอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะปิดไฟเเล้วมาแทรกตัวนอนอยู่ ระหว่างบรรดาพี่เมทสุดเลิฟของผม
ก็เหมือนทุกๆคน ตอนเช้าผมเล่าเรื่องนี้ให้พวกรุ่นพี่ฟัง เเต่พวกรุ่นพี่ไม่ได้เล่าอะไรแปลกๆให้ผมฟังหรอก ตรงกันข้าม...ผมโดนด่าต่างหาก.