เรื่องราวของวิญญาณที่ยังคงวนเวียนอยู่ในสถานที่ที่ตนเองได้ตายลงโดยที่ไม่รู้ว่าตนเองเสียชีวิตไปแล้วนั้น แทบจะมีอยู่ทั่วโลก หลังจากเราได้นำเสนอเรื่องราวเศร้าๆ ปนขนหัวลุกของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สึนามิครั้งใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2011 ไปแล้ว ประเทศไทยก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่คลื่นสึนามิเข้าถล่มชายฝั่งด้วยเช่นกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2547 ที่ 6 จังหวัดภาคใต้ริมฝั่งทะเลอันดามัน คล้อยหลังวันคริสต์มาสเทศกาลแห่งความสุขไปวันเดียว คลื่นมรณะก็พัดเข้าหาฝั่งจนทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งชาวไทยและต่างชาติไปไม่น้อยกว่า 200,000 ชีวิต
พี่เล็กตอบตกลงโดยไม่ลังเลเพราะการได้ลูกค้าขณะกำลังขับรถกลับบ้านถือว่าเป็นโชค และยิ่งมาในตอนที่นักท่องเที่ยวยังไม่กล้าเข้ามาก็ถือว่าเป็นโชคสองชั้น นักท่องเที่ยวทั้ง 7 คนก็ขึ้นรถมา พี่เล็กสังเกตว่านักท่องเที่ยวทั้ง 7 คนนั้นนั่งกันแบบเงียบๆ สายตาเศร้าๆ มองเหม่อไปข้างนอกซึ่งขัดกับนักท่องเที่ยวทั่วไปที่เคยรับมา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
แต่ในขณะที่ใกล้จะถึงนั้น พี่เล็กก็รู้สึกมึนงงเหมือนคนหน้ามืดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุและรู้สึกว่ามีหมอกเข้ามาปกคลุมรถทำให้ต้องลดความเร็ว
แต่ในขณะที่ใกล้จะถึงนั้น พี่เล็กก็รู้สึกมึนงงเหมือนคนหน้ามืดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุและรู้สึกว่ามีหมอกเข้ามาปกคลุมรถทำให้ต้องลดความเร็ว
ไม่ถึงนาทีพี่เล็กก็หายจากอาการมึนงงและได้มองไปที่ด้านหลังรถก็พบว่าด้านหลังรถว่างเปล่า นักท่องเที่ยวทั้ง 7 คนหายไปอย่างไร้สาเหตุ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะกระโดดลงเพราะตอนที่ลดความเร็ว รถก็วิ่งด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 30 กม./ชม. แน่นอนว่าเมื่อเห็นดังนั้น พี่เล็กจึงรีบบึ่งกลับบ้านและยกมือไหว้พระด้วยอาการตัวสั่น หลังจากนั้นพี่เล็กรีบหางานใหม่ทันทีเพราะไม่กล้าที่จะออกไปขับรถกลางคืนอีกต่อไป
แถมท้ายด้วยเรื่องเล่าสั้นๆ ที่เขาหลัก ที่นี่ก็มีเรื่องเล่าชวนสยองจากโศกนาฏกรรมนี้ด้วยเช่นกัน ครอบครัวชาวบ้านในพื้นที่ที่เสียญาติไป 3 คนในเหตุการณ์นี้พบกับเหตุการณ์ที่จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นในงานศพ เมื่อกดรับก็พบกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด โดยจับใจความได้ว่าเป็นญาติที่กำลังฌาปนกิจอยู่ในเตาเผาศพเรียกร้องให้ช่วยพาออกไป ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นปริศนาว่ามีคนโทรแกล้งหรือว่าเป็นญาติที่ตายไปจริงๆ
เรียบเรียง :