ค้นหา

ที่นี่มีผี..รวมเรื่องลึกลับสยองขวัญสั่นประสาทตาเหลือกตากลับ
บางทีก็น่ากลัวบางทีก็ไม่น่ากลัวรวมๆกันไป
ที่นี่เปิด รับทุกอย่างที่เกี่ยวกับผีๆวิญญาณ
ท่านใดชอบเรื่องผีหรือมีคลิปผีถ่ายติดวิญญาณ.. น่าสนใจ..
ติดต่อส่งตั้งกระทู้มาที่ ghost-in-manman ด้านข้างครับ
แนะนำข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเชิญได้ครับ
ดูเว็บ ghost-in-manman แล้วหาความรู้เพิ่มเติม..ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ครับ
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆที่ให้ความสนใจและ ให้ข้อมูลเรื่องน่ากลัวๆเรื่องประสบการณ์ทางวิญญาณ มาทางเราจะนำมาลงให้อ่านกันในครั้งต่อไปนะครับ.....
อย่าลืมดูเว็บ ghost-in-manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2566

เมื่อผู้คนในอดีตบังเอิญตายแล้วฟื้น กลัว ถูกฝังทั้งเป็น จึงมีการคิดโลงที่ช่วยเอาชีวิตรอดขึ้นมา

เมื่อผู้คนในอดีตบังเอิญตายแล้วฟื้น กลัว ถูกฝังทั้งเป็น จึงมีการคิดโลงที่ช่วยเอาชีวิตรอดขึ้นมา

ทาโฟโฟเบีย (Taphophobia) คือภาวะความกลัวจากการถูกฝังทั้งเป็น หากย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 19 มีรายงานว่าผู้คนหลายร้อยคนถูกฝังทั้งเป็นโดยบังเอิญ จากการที่คนรอบตัวคิดว่าพวกเขาเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขของผู้รอดชีวิตเท่านั้น และยังมีอีกมากมายที่เราไม่เคยรู้เพราะพวกเขาไม่เคยรอดชีวิตออกมาบอกให้เราได้ทราบ

และนั่นจึงทำให้นักประดิษฐ์ในสมัยนั้นพยายามคิดค้นสิ่งที่เรียกว่า “Safety Coffin” หรือ “โลงปลอดภัยไว้ก่อน” ที่ช่วยให้ผู้คนที่ถูกฝังทั้งเป็นมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น โลงเหล่านี้มีความน่าสนใจและได้รับการจดสิทธิบัตรเพื่อนำไปสร้างขึ้นมาจริง ๆ แทบทั้งสิ้น

1. โลงที่ช่วยให้คุณปีนออกไปเองได้

โลงดังกล่าวถูกจดสิทธิบัตรในปี 1868 โดยเป็นหนึ่งในการจดสิทธิบัตรโลงศพที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา แนวคิดของโลงนี้คือคุณจะถูกฝังอยู่ในโลงที่มีรูระบายอากาศ จากนั้นหากคุณดึงคันโยกก็จะสามารถเปิดช่องเล็ก ๆ และปีนออกมาเองได้ แต่หากคุณไม่ตื่นขึ้นมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ พวกเขาก็จะฝังคุณ

โดยพื้นฐานแล้ว ผู้คิดค้นโลงนี้เสนอว่า ทางออกที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ถูกฝังทั้งเป็นก็คือการไม่ฝังเลย

2. โลงสั่นกระดิ่ง

โลงที่ถูกจดสิทธิบัตรในปี 1885 อ้างว่าเป็น ‘สัญญาณช่วยชีวิตสำหรับผู้ถูกฝังที่อยู่ในภวังค์” มันไม่ได้ถูกออกแบบแค่ให้คุณแจ้งคนข้างนอกให้ทราบเท่านั้น แต่ยังรักษาตัวคุณให้อยู่รอดข้างในได้อย่างยาวนานอีกด้วย

เริ่มจากการดึงเชือกเพื่อให้อากาศไหลเข้าสู่โลง เพื่อให้คนที่อยู่ข้างในหายใจได้ มีโคมไฟที่ติดตั้งอยู่ภายในโลงเพื่อให้คนภายนอกส่องเข้าไปดูว่าเผื่อว่าคนในโลงยังมีชีวิตอยู่ และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ คุณสามารถส่งสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่ด้วยการทำให้ขนนกเคลื่อนไหวหรือการสั่นกระดิ่ง

3. โลงท่ออากาศ

โลงที่ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1894 นี้จะการติดตั้งท่อขึ้นไปเหนือพื้นดินเพื่อให้ผู้ถูกฝังหายใจได้จากการดูดท่ออากาศนี้ จากนั้นหากคุณตื่นขึ้นมาก็สามารถส่งสัญญาณด้วยการใช้ศีรษะโขกไปที่อุปกรณ์ส่งสัญญาณ ซึ่งจะทำให้ธงสีแดงตั้งขึ้น เป็นสัญญาณให้คนภายนอกรู้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่

4. โลงที่ต้องใช้หัวโขก

โลงที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1899 มีช่องหน้าต่างที่เป็นกระจก ที่ทำให้คนอื่นสามารถเห็นคนที่ถูกข้างในโลงได้อย่างชัดเจน และหากแน่ใจแล้วว่าเสียชีวิตแล้วจึงทำการปิดหน้าต่างได้

แต่สมมุติว่าเกิดความผิดพลาด คนที่อยู่ในโลงยังไม่เสียชีวิต คุณสามารถใช้ศีรษะโขกกระจกอุปกรณ์ที่จะทำให้กระจกหน้าต่างแตกออก และส่งเสียงดังเพื่อขอความช่วยเหลือได้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะถูกฝังลงดิน

5. โลงติดเตาเผา

โลงนี้ถูกจดสิทธิบัตรในปี 1899 โดยถูกออกแบบมารองรับทั้งในกรณีที่คุณยังมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตไปแล้ว หากคุณยังมีชีวิตอยู่ ท่อจากเตาที่ติดอยู่จะส่งอากาศจากภายนอกเข้ามาให้คุณหายใจได้

แต่หากคุณเสียชีวิตไปแล้ว เตาดังกล่าวจะถูกใช้เป็นเตาเผาร่างของคุณเพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นออกมาภายนอกผ่านท่อระบายอากาศ

6. โลงรหัสมอร์ส

โลงดังกล่าวถูกจดสิทธิบัตรในปี 1904 โดยมีการติดตั้งระบบที่ซับซ้อนผ่านวงจรไฟฟ้าแบบปิด เมื่อผู้ถูกฝังปิดวงจรดังกล่าว ถังเก็บออกซิเจนจะเปิดออก สัญญาณก็จะถูกส่งผ่านสายสัญญาณที่อยู่ข้างนอกและรอการช่วยชีวิต และในทางเทคนิคแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องรู้รหัสมอร์สเพื่อเอาชีวิตรอด เพราะหากมีสัญญาณถูกส่งออกไป ก็เป็นที่สงสัยได้ว่าคนในโลกอาจยังมีชีวิตอยู่

7. โลงยุคใหม่

โลงนี้ถูกจดสิทธิบัตรในปี 2014 ที่ผ่านมา โดยอ้างถึงความกังวลที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนาที่น่าสนใจ

ในบางศาสนาจะต้องทำการฝังร่างผู้เสียชีวิตภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมง สิทธิบัตรดังกล่าวจึงอ้างว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะมีคนถูกฝังทั้งเป็น

สำหรับโลงสมัยใหม่ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน เพราะสิ่งที่คุณต้องทำเพียงแค่การกดปุ่มเท่านั้น

ถ้าดูๆแล้วคนสมัยก่อนนี้ก็เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากๆเลยนะครับ จากความรอบคอบ คิดแม้กระทั่งตายแล้วก็กลัวฟื้นขึ้นมาอีกจะทำยังไงให้ตัวเองมีชีวิตรอด เยี่ยมมากๆเลยนะครับสำหรับความคิดแตกต่างออกไปนำไปสู่วิธีการใหม่ๆหรือความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆครับ

สรุปง่ายๆก็คือว่าคนที่ตายแล้วเกิดฟื้นขึ้นมาแล้วอยู่ในโลงถ้าออกไม่ได้ก็ต้องตายแบบทรมานซ้ำสองเข้าไปอีก ก็เลยคิดหาวิธีทำอย่างไรที่จะทำให้รอดชีวิตได้เมื่ออยู่ในโลงและถูกฝังนี่คือที่มาของวิทยาการการปิดโลงช่วยชีวิตพวกนี้  โลงต่างๆที่คนยุคก่อนคิดประดิษฐ์ขึ้นขึ้นเพื่อเอาชีวิตรอดในขณะที่ถูกฝังทั้งเป็น หรือตายแล้วฟื้นจะทำยังไงคนที่ตายแล้วฟื้นจะส่งสัญญาณให้คนเป็นข้างบนรู้ได้ว่าตัวเองฟื้นจากความตายแล้วคือ ไม่ตายนั่นเอง แต่สุดท้ายมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอกคงจะตายอยู่ดีนั่นแหละชักดิ้นชักงอ ขาดอากาศหายใจหายใจไม่ออกตายตามเดิม

 

รายการบล็อกของฉัน