1. การไม่ยอมละทิ้งสิ่งที่ชั่ว
ส่วนมากจะเป็นกรณีนี้ คนนั้นไม่ยอมละทิ้งสิ่งที่ชั่ว กลับหมกมุ่นเอาใจใส่ จึงเป็นการทอดสะพานให้กับผีที่จะมาเข้า เหมือนกับผู้หญิงคนนั้น ทำผิดไปแล้วยังทำผิดอีก ทำแล้วทำอีก จนกระทั่งเป็นสื่อให้กับวิญญาณชั่วที่จะเข้าสิงเขา
แต่บางกรณี เช่น เด็กไร้เดียงสา ผู้เชี่ยวชาญได้สำรวจเรื่องนี้ว่า เขาสามารถสังเกตว่าเด็กนั้นมีส่วนที่เกี่ยวกับบิดา มารดา ปู่ย่าตายาย ที่เคยเล่นกับผีมาก่อนในอดีต ซึ่งมีผลทอดถึงสามชั่วอายุคน นี่เป็นสิ่งที่เขาสังเกตทั่วไป และตรงกันกับอพยพ 20:4-5
"อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูป เหล่านั้น เพราะเราคือพระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน ให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชัง เราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน" อพยพ 20:4-5
ซึ่งผมเป็นพยานแล้วว่า วิญญาณชั่วถ้ามันเอาเราไม่ได้ มันจะเอาลูกหลานเรา
ฉะนั้น ทุกครั้งเมื่อมีคนกลับใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ ผมจำเป็นต้องให้เขาสารภาพและตัดความสัมพันธ์กับวิญญาณชั่ว โดยที่คนนั้นจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไป ตัดสัมพันธ์กันเลยทันที มิฉะนั้น เราอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ถูกการรบกวนจากวิญญาณชั่วในรูปนี้ก็ได้
2. การปรนนิบัติรูปเคารพ
หรือแม้แต่เล่นกับเรื่องเวทมนตร์คาถา หมอดู โชคชะตาราศี ดูลายมือ ผีถ้วยแก้ว หรือเป่าคาถาอาคม หรือเข้าทรงติดต่อกับผู้ตายหรือหมอผี การทำเสน่ห์ยาแฝด การปั้นรูปรอย การกระทำเหล่านี้เป็นช่องทางที่ผีเข้าสิงได้ง่ายที่สุด
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ภาคกลาง เห็นคนเขาเล่นเข้าทรงกันมาก ผู้หญิงคนนี้อยากจะหายป่่วย จึงไปเข้าทรงกับเขา สุึดท้ายกลายเป็นคนทรงไป เพราะการได้เล่นกับสิ่งนี้ก็เป็นสื่อที่ชักนำวิญญาณชั่วที่จะเข้าสิงในคนเหล่านี้ และการเข้าไปร่วมประชุมดูผีเข้า หรือในทำนองพิธีบวงสรวงหรือการทำอะไรก็แล้วแต่ หรือแม้แต่การที่จะเข้าไปในบางแห่งซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้ผีเข้าได้
มีผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นพยาบาลอยู่ที่ภาคใต้ เขาเป็นคริสเตียน แต่คงจะเป็นคริสเตียนแต่ชื่อ คือยังไม่กลับใจอย่างแท้จริง เมื่อมีการเข้าทรงกันที่ปัตตานี ผู้หญิงคนนี้อุตส่าห์ลงทุนขึ้นรถมาดูการเข้าทรงเจ้าแม่ที่่ปัตตานี แล้วสุดท้าย ผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้า เพราะการที่เธอมีส่วน มีความตั้งใจ มีเจตนานั้น ก็เท่ากับว่าเธอมีใจศรัทธาอยู่กับสิ่งเหล่านั้น และเมื่อมีใจศรัทธาอยู่กับสิ่งเหล่านั้น ก็แน่นอนทีเดียว ย่อมเป็นสื่อให้วิญญาณนั้นเข้ามาสิงอยู่ในชีวิต ฉะนั้น ขอให้เราทั้งหลายที่เป็นคริสเตียนไม่ควรจะข้องแวะกับเรื่องนี้เลย
ทั้งเก็บไว้ในครอบครองของเรา หรือในครอบครัวของเรา โดยไม่รู้ตัว นี้ก็เป็นช่องทางให้ผีเ่ล่นงาน หรือให้ผีมีบทบาทในชีวิตของเราก็ได้
มีมิชชันนารีคนหนึ่ง กำลังกลับประเทศของเขา ก็ซื้อรูปปั้นที่เป็นรูปตุ๊กตาสวย ๆ ซึ่งเป็นเหมือนกับพระนั่งอยู่ มีหัวแหลม ๆ อะไรทำนองนั้น เขาซื้อเพื่อจะไปประดับบ้านของเขา เมื่อเอาวัตถุนี้เข้าไปไว้ในบ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเขา คือ เกิดเบื่อหน่าย ไม่อยากอ่านพระคัมภีร์ เบื่อหน่ายไม่อยากอธิษฐาน เบื่อหน่ายไม่อยากเข้าร่วมประชุมของคริสเตียน เบื่อหน่ายไม่อยากนมัสการ
สุดท้าย ผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถสังเกตวิญญาณได้ ก็ถามคนนั้นว่า "บ้านของคุณมีของจำพวกที่เป็นรูปเครื่องรางของขลังมั้ย หรือเป็นรูปปั้น"
มิชชันนารีคนนี้คิดไปคิดมา ก็จำได้ว่า ตัวเองซื้อรูปปั้นรูปหนึ่งมาจากต่างประเทศ คิดว่าจะซื้อมาประดับ ไม่ได้คิดว่ามันจะมีพิษสงอะไร แล้วก็เอามาไว้ในบ้าน
แล้วคนถามก็แนะนำว่าให้เอาสิ่งนั้นไปทิ้งเสีย หลังจากที่ทิ้งรูปปั้นนั้นแล้ว บรรยากาศในครอบครัวก็ดียิ่งขึ้น ทั้งครอบครัวก็สนใจ ขะมักเขม้น เอาใจใส่ รักที่จะสรรเสริญพระเจ้า
ถ้าเรารู้เบื้องหลังในการปั้นรูปเคารพ เราจะรู้ว่าอันตรายขนาดไหนที่จะเอารูปปั้นรูปเคารพเหล่านั้นมาไว้ในบ้านของเรา บางทีเราคิดว่ารูปสวยเอาไว้ประดับบ้าน ขอให้ระวังให้ดี ถ้าคุณไม่รู้เบื้องหลังจริง ๆ จงอย่าซื้อดีกว่า เพราะเป็นอันตรายต่อวิญญาณจิดของเรา มีการต่อต้านเป็นพิเศษในครอบครัวเลยทีเดียว
คุณรู้ไหม เวลาเขาจะปั้นรูปหรือหล่อรูปแต่ละครั้ง เขาจะสร้างหอไว้สี่มุม และรูปปั้นจะอยู่ตรงกลาง แต่ละมุมจะมีพระ 5 องค์ไปสวดทั้งวันทั้งคืนสับเปลี่ยนกัน 7 วัน 7 คืน สวดอยู่อย่างนั้นแหละ และคำสวดนั้น ถ้าคุณเข้าใจความหมาย จะรู้ว่าเป็นการสวดอัญเชิญวิญญาณทั้งหลาย เข้ามาสิงสถิตในรูปปั้นนั้น รูปปั้นไม่มีความหมายอะไร แต่ที่สำคัญคือวิญญาณต่าง ๆ ได้เข้าไปอยู่ในรูปปั้นนั้น มันอยากจะอยู่ในนั้น มันไม่ต้องการจะหนี มันคิดว่านั่นที่ของมัน และมันเป็นเจ้าของ และเมื่อเราเอาสิ่งนี้เข้ามาไว้ในบ้านของเรา อันตรายจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ลองนึกวาดภาพเอาดูก็แล้วกัน
ฉะนั้น อย่าให้สิ่งเหล่านี้ เป็นสื่อที่ทำให้บรรยากาศในครอบครัวหรือจิตวิญญาณของคุณหลุดไปจากการติดสนิทกับพระเจ้า และการที่จะมีสิ่งของไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ที่เกี่ยวกับผี เก็บไว้ในตัวหรือในบ้านนั้นอันตรายมาก ขอจำไว้ให้ดี
4. สิ่งที่เป็นสื่อเกี่ยวกับวิญญาณชั่วเข้าสิง
คือ การผูกมัดขวัญ หรือจุดธูปเทียนบูชา บวงสรวงอะไรต่ออะไร พวกนี้ขอให้ระวังอย่าข้องแวะเป็นอันขาด เพราะนั่นเป็นสื่อให้กับวิญญาณชั่วที่จะมาสิงหรือมาคุมชีวิตเรา
5. การที่มีผู้อื่นใช้ไสยศาสตร์สั่งผี
เช่นมีผู้หญิงคนหนึ่ง เขาเป็นคริสเตียน แต่มีแฟนซึ่งไม่เชื่อพระเจ้า และสุดท้ายแฟนของเขาก็ไปหาหมอผี ทำเสน่ห์กับผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขาเกิดมีสติฟั่นเฟือน ถึงกับเพ้อไปเลย และบังคับตัวเองไม่ได้ แต่ขอบคุณพระเจ้า มีคนหนึ่งที่สังเกตวิญญาณสามารถรู้เรื่องนี้ จึงขับไล่ในนามของพระเยซูคริสต์ ทำลายกิจการของผีมารซาตาน ผู้หญิงคนนี้จึงเป็นอิสระ ขอบคุณพระเจ้า
ถ้าไม่ระวัง พวกไสยศาสตร์ หมอผี ถ้าเราไม่ระวังในการดำเนินชีวิต เราอาจจะถูกอิทธิพลของมันก็ได้ ฉะนั้น เราต้องระวังอยู่เสมอ ให้จิตวิญญาณของเราติดสนิทอยู่กับพระเจ้า เพื่อจะเข้มแข็งอยู่เสมอ ไม่อ่อนระอาลง จึงจะต่อต้านกับวิญญาณชั่วได้
6. การเข้าไปตีตัวสนิทกับผู้ที่ทุ่มเทในเรื่องวิญญาณชั่วมาก
เช่น ไปสนิทกับหมอผี ขอจำไว้ว่าอิทธิพลของวิญญาณชั่วนั้น ถ้าคุณไม่ได้ไปเพื่อจะปลดปล่อยเขา แต่ไปเพื่อจะตีสนิทกับเขาเฉย ๆ ระวังอันตราย
ในเรื่องการอัศจรรย์ต่าง ๆ นั้น เราจะต้องพึ่งอาศัยฤทธิ์ของพระเยซูคริสต์ผู้เดียวเท่านั้น เช่น การอัศจรรย์เกี่ยวกับการรักษาโรคไม่ต้องไปพึ่งวิญญาณชั่ว เรื่องวิญญาณชั่วนั้นขอให้มันอยู่ห่างไกลจากชีวิตเรา
ส่วนเรื่องของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนซาตานก็มีของปลอมไว้เกือบครบชุดด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรค ซาตานก็มี จะเป็นการพูดภาษาแปลก ๆ ซาตานก็มีก่อนคุณแม่ของผมจะเป็นคริสเตียน ท่านไปเข้าทรง และก็ได้อำนาจแปลภาษาแปลก ๆ แต่เป็นอำนาจของวิญญาณชั่ว และการทำนาย ซาตานก็มี ดังนั้น เราจำเป็นจะต้องสังเกตวิญญาณเหล่านั้นว่าวิญญาณนั้นมาจากพระเจ้าหรือมาจากผีมารซาตาน
ศจ. สมศักดิ์ ชูสงฆ์
จากหนังสือ พระคริสต์พิชิตซาตาน
สำนักพิมพ์ กนกบรรณสาร