มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเกี่ยวกับ “อาถรรพณ์”
ที่นอกเหนือไปจากการวอดวายเพราะมนุษย์ ??
ทั้งนี้...จากข้อมูล “เซ็นทรัลเวิลด์” เป็นโครงการศูนย์การค้า โรงแรม และอาคารสำนักงาน เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียน และมีพื้นที่ขายมากเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยตั้งอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ ตัดกับถนนพระรามที่ 1 บนพื้นที่ที่เคยเป็นสถานที่สำคัญ
พื้นที่บริเวณนี้ เดิมเคยเป็นที่ตั้งของ “วังเพ็ชรบูรณ์” ซึ่งเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสองค์ที่ 72 ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กรุงเทพฯถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดในหลาย ๆ พื้นที่ โดยพื้นที่วังเพ็ชรบูรณ์ก็ถูกทิ้งระเบิดด้วย แต่ “ระเบิดไม่ทำงาน !!” และในการเข้ายึดครองหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯของทหารญี่ปุ่น วังเพ็ชรบูรณ์ก็ “รอดพ้นจากการยึดครองของทหารญี่ปุ่น !!”
ในยุคนั้นก็เกิดเสียงเล่าขานในทาง “ปาฏิหาริย์”
เมื่อ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย สิ้นพระชนม์ พื้นที่บริเวณ “วังเพ็ชรบูรณ์” ก็กลายเป็นพื้นที่ที่ถูกจับจ้องจากธุรกิจห้างสรรพสินค้า ทั้งจากญี่ปุ่น ในการก่อสร้างห้างไทยไดมารู และธุรกิจไทย โดยบริษัท วังเพ็ชรบูรณ์ ได้ขอเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อทำโครงการขนาดใหญ่เกี่ยวกับห้างสรรพสินค้า “เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์” ซึ่งเริ่มก่อสร้างในปี 2525 และเปิดดำเนินการห้างสรรพสินค้าได้ช่วงปี 2532-2533 ทว่า...ในเวลาต่อมาโครงการก็ “ประสบปัญหาทางการเงิน” ไม่สามารถดำเนินโครงการในส่วนการก่อสร้างโรงแรมและอาคารสำนักงานให้แล้วเสร็จ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จึงเปิดโอกาสให้บริษัทอื่นเข้าประมูลทำโครงการแทน ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มมีเสียงร่ำลือ
เป็นการร่ำลือในทาง “อาถรรพณ์พื้นที่”
อย่างไรก็ตาม บริษัทที่เข้าประมูล และได้บริหารโครงการแทนบริษัทเดิม คือบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด ได้เข้าดำเนินการต่อเติมโครงการในส่วนที่บริษัทเดิมดำเนินการไว้แต่ยังไม่แล้วเสร็จ จากนั้นก็ปรับปรุงในส่วนของศูนย์การค้า แล้วเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “เซ็นทรัลเวิลด์” และก็ได้มีการปรับปรุง พัฒนา ดำเนินโครงการ เรื่อยมาตั้งแต่ราวปี 2549 จนบริเวณนี้เป็นทั้งย่านเศรษฐกิจสำคัญ และทันสมัยอย่างมาก
แม้จะมีข่าวเรื่องการ “แก้เคล็ด” เช่น ในเรื่องของ “ศาลเทพเจ้า” พระตรีมูรติ พระพิฆเนศ ดังที่คงจะเคยได้ยินกัน แต่โครงการนี้ก็ไปได้สวย ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไร กระทั่ง...เมื่อเริ่มมีม็อบ นปช. มาชุมนุมที่ราชประสงค์ เค้าลางปัญหาก็เริ่มขึ้น และปัญหาก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงวันวิกฤติในวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา...
เกิดเหตุจลาจล...ที่นี่ “ถูกเผา” และยังมี “คนตาย”
อ.เก่งกาจ จงใจพระ โหรชื่อดัง สะท้อนผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... พื้นที่โครงการเซ็นทรัลเวิลด์นั้น ถ้าพูดกันตาม ไสยเวท เนื่องจากเดิมเป็นพื้นที่ตั้งของวังเก่าซึ่งถือว่าเป็นที่ตั้งของของสูง การใช้พื้นที่สร้างเป็นห้างสรรพสินค้า มีผู้คนมากมายเข้าออกได้ตามสบาย ทำให้เกิดเป็น “พื้นที่อาถรรพณ์ ??”
“ถึงจะมีการทำพิธีบวงสรวงบูชา นำศาลเทพเจ้ามาตั้งแก้เคล็ดแล้ว แต่ไม่อาจจะแก้อาถรรพณ์ได้ ก็อาจจะเพราะไม่ได้มีการทำพิธีบวงสรวงเป็นประจำ หรือการทำพิธีบวงสรวงทำไม่ถูก ไม่ตรง”
อ.เก่งกาจระบุอีกว่า... การที่ถึงขั้นมีคนตาย พื้นที่ของโครง การถูกเผาจนตึกถล่ม เพราะตรงนั้นถือว่าเป็นพื้นที่ไม่ดี เพราะมีบางทางเข้าที่ตรงกับด้านโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งทำให้ไม่ดี เพราะโรงพยาบาลมีแต่ผู้ป่วย มีคนเสียชีวิต เมื่อทางเข้าตรงกับโรงพยาบาล ก็จะ มีสิ่งที่ไม่ดี มีมาร มีสัมภเวสี เข้าไปในโครงการ ??
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุถูกวางเพลิงเผาเมื่อ 19 พ.ค. สิ่งหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในภาพข่าวคือ “รูปปั้นหัวคน” ที่ดูแปลกตา ยิ่งเมื่อมีภาพไฟไหม้อาคารเป็นฉากหลัง ก็ยิ่งดู “หลอน”ซึ่งจริง ๆ แล้วรูปปั้นดังกล่าวนี้มีการว่าจ้างศิลปินระดับโลกชาวอินเดียมาสร้างสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะ ในโอกาสที่เป็นการกระชับสัมพันธ์กับทางอินเดีย
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมทั่วไปไม่เจาะจงว่าที่ใด กับการมีรูปปั้นหัวคน ที่มีแต่ส่วนหัวกับคอ มาตั้งอยู่หน้าอาคารสถานที่นั้น ทาง อ.เก่งกาจบอกว่า... “ก็เหมือนสิ่งไม่ดีอีกอย่างหนึ่ง ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่ดี เป็นเหมือนผีหัวขาด เป็นสิ่งไม่ดีที่ทำให้มีสิ่งชั่วร้าย มีมาร ทำให้เกิดเหตุร้ายในอาคารสถานที่ ??”เหล่านี้เป็นอีกแง่มุมเกี่ยวกับ “เซ็นทรัลเวิลด์”ที่มีเสียงร่ำลือว่าโดน “อาถรรพณ์พื้นที่ ??”.