"คงกะพัน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสี่แยกคอกวัว
สมัยก่อน ผมเป็นวัยรุ่นอยู่แถวสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง นี่เองครับ เพื่อนฝูงเยอะแยะตั้งแต่หลังวัดบวรฯ ถนนสิบสามห้าง ถนนตานี ถนนข้าวสาร ไปถึงฝั่งตรงข้าม ยันวัดมหรรพ์ ศาลเจ้าพ่อเสือโน่นแน่ะ
เรื่องวัยรุ่นกับเที่ยวเตร่เป็นของคู่กันอยู่แล้ว ไมว่ากลางวันกลางคืน ขอให้เพื่อนชวน มีเพื่อนเที่ยวเถอะน่า จะตะลอนๆ ซอกแซกซะอย่าง รับรองว่าถึงไหนเป็นถึงกัน
สิ่งที่กวนประสาทมากๆ คือเรื่องผีดุ!!
เขาว่าละแวกนั้นผีดุสาหัส ไม่ใช่ดุธรรมดา แต่อย่างว่า พวกเราฟังเรื่องผีกันมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ฟังไปขนลุกไปก็มี แต่หลายๆ เรื่องกลับรู้สึกเฉยๆ ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรน่ากลัวตรงไหน บางทีก็ซังกะตายฟังไปยังงั้นเอง แต่บางทีสนิทกันหน่อยก็จะบอกคนเล่าว่า...เรื่องนี้ขอเละๆ นะ
พวกรุ่นน้ารุ่นลุง จนถึงรุ่นคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายที่พกเรื่องผีไว้คนละเป็นกระบุง ก็จัดการเล่าเรื่องผีชนิดน่าขนพองสยองเกล้าให้เราฟังไม่ชักช้า...ถ้าเป็นสมัยนี้ต้องบอกว่า "จัดให้!"
ที่ถนนราชดำเนินน่ะรถวิ่งจนชนกันโครมครามมั่ง เสยคนข้ามถนนมั่งหลายๆ คันก็เสียหลัก พุ่งขึ้นมาไล่อัดคนบนฟุตปาธจนบาดเจ็บล้มตายมานับไม่ถ้วน วิญญาณผีตายโหงนับร้อยนับพันก็สิงสู่อยู่ที่นั่น คอยหลอกหลอนผู้คนสารพัดรูปแบบ
นั่นคือ เห็นรถเก๋งขับรถผ่านไปช้าๆ จ้องมองก็ไม่ยักเห็นคนขับซักคนเดียว!
บางทีเป็นรถกระบะ มีคนนั่งสลอนหัวดำมืด แต่ทุกร่างล้วนแต่งแข็งทื่อ ร่างอาบเลือด หน้าตาแหลกยับ เล่นเอาคนเห็นภาพนั้นถึงกับสติแตก วิ่งปุเลงๆ พร้อมกับร้องจ้าชนิดไม่รู้ทางไป
ผู้คนที่เดินมาตามถนนหนทางก็หยอกอยู่เมื่อไหร่ เพราะเห็นเดินมาดีๆ อ้าว? กลายเป็นร่างเละเทะ แก้มฉีก นัยน์ตาห้อยร่องแร่ง บางรายเห็นเดินหิ้วหัวตัวเองมาก็มี
บางรายก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย แต่พอใกล้เข้ามากลับหายแว้บไปซะยังงั้นเอง!
บางคนเล่าเรื่องสุดสยองให้ฟังว่า ตอนดึกราวสองยาม กำลังเดินมาจากถนนตะนาวจะออกราชดำเนินอยู่แล้ว ได้ยินเสียงรถยนต์ห้อตะบึงผ่านไป ตามด้วยเสียงร้องโอดโอยโหยหวน พอวิ่งออกไปดูก็แทบจะช็อกคาที่เมื่อเห็นผู้ชายร่างโชกเลือดกำลังคลานจากถนน มือหนึ่งยันพื้น มือหนึ่งโบกขอความช่วยเหลือ...เลือดแดงเถือกไปทั้งตัว
ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่เหลียวซ้ายแลขวาก็มีแต่ความเปล่าเปลี่ยว หันไปอีกทีก็ขนหัวลุกตั้ง เมื่อเห็นชายเคราะห์ร้ายคลานขึ้นมาบนฟุตปาธแล้ว...แต่ว่ามีอยู่ครึ่งตัวเท่านั้นเอง ท่อนล่างไม่มีหรอกครับ!
รายนี้เสียสติอยู่หลายวัน ญาติต้องพาไปให้พระรดน้ำมนต์ถึงได้ค่อยทุเลา
ตอนที่เกิดเรื่อง 14 ตุลาคม วันมหาวิปโยค ได้ข่าวว่ามีคนตายหลายร้อย ผมเพิ่งสิบกว่าขวบ เขาลือกันว่าผีดุนักหนา...พอจะซาไปหน่อยก็เกิด 6 ตุลาคมขึ้นมาอีก ชาวบ้านแถวนั้นขนลุกขนชันไปตามๆ กัน
ที่น่าสยองสุดๆ ก็ตรงสี่แยกคอกวัว หรืออนุสรณ์สถาน 14 ตุลาคมนั่นแหละครับ เขาลือกันว่าผีดุสาหัสสากรรจ์ที่สุด!
สมัยก่อนเคยเป็นอาคารสูงใหญ่ แต่วันดีคืนดีก็เกิดถล่มทลายลงมาดื้อๆ ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรแน่ บางคนบอกมีคนตายอยู่ซากตึก 2-3 คน จนกระทั่งสร้างขึ้นมาใหม่ กลายเป็นสถานีวิทยุ ททท.ต่อมาก็ใช้เป็นหน่วยงานราชการ จนกระทั่งเกิดเรื่องวันมหาวิปโยคขึ้นมา ตึกนั้นก็โดนเผาวอดวายไปทั้งหลัง
กลายเป็นซากตึกร้าง แม้ว่าจะรื้อทิ้งเหลือแต่ที่ว่างเปล่า...ผมกับเพื่อนๆ เดินผ่านไปมาทั้งกลางวันและกลางคืน บางทีก็รู้สึกเย็นสันหลังเหมือนกันแฮะ แต่เมื่อแข็งใจหันไปจ้องมองก็ไม่ยักเห็นอะไร
พวกรุ่นใหญ่เคยเล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตึกนี้ให้ฟังครับ!
ตอนที่มันเกิดถล่มหรือยุบตัวลงมาดื้อๆ มีคนที่เดินผ่านชอบหยุดดูซากตึก ไม่รู้ว่ามันมีอะไรน่าดูตรงไหน? หรือจะจริงอย่างที่เขาพูดๆ กันก็ไม่รู้ ที่ว่าคนเราไม่ค่อยชอบดูการสร้างตึก แต่ถ้าเกิดไฟไหม้หรือตึกถล่มทลายละชอบดูนักเชียว
คือชอบความพินาศวอดวายกว่าการสร้างสรรค์ เพื่อสนองตัณหาดิบเถื่อน กับสัญชาตญาณชอบทำลายของตัวเอง!
รุ่นใหญ่เล่าว่าเดินกลับบ้านตอนดึกมา 2-3 คน พอผ่านซากตึกนั่นได้นิดเดียวก็สะดุ้งโหยงไปตามๆ กัน เพราะได้ยินเสียงถล่มทลายโครมครามราวเกิดแผ่นดินไหว
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปกติ ก็ตึกมันถล่มลงมาตั้งนานแล้วจะมีอะไรเหลือให้ถล่มอีกล่ะ? แต่จะว่าหูฝาดไปเองก็แปลก เพราะได้ยินพร้อมๆ กันทุกคน กระโดดโหยงๆ เป็นกุ้งเต้นไปตามๆ กัน...ผีหลอกน่ะซี!
เล่นเอาเดินขาสั่นกลับบ้านไปตามๆ กัน เห็นว่าเจอมาหลายรายแล้ว
ประสบการณ์ของผมกับเพื่อนๆ หลังจากมีการสร้างตึกใหม่และโดนเผาจนเหลือแต่ซากแล้วครับ...แถมมากัน 2-3 คนอีกต่างหาก
คืนนั้นเราไปกรึ่มกันที่ศรแดง พอสี่ทุ่มกว่าไปเดินดูน้องหนูกับกะเทยที่หน้าโรงหนังมูนไลท์...ชักจะง่วงก็พากันเดินทอดน่องมาทางสี่แยกคอกวัว เลี้ยวซ้ายเข้าถนนตะนาว มุ่งหน้ากลับบ้าน...แต่พอผ่านซากตึกทึบทึมนั่นเท่านั้น เสียงไฟลุกคึ่กๆ ความร้อนพุ่งพรวดเข้าใส่ ตามด้วยเสียงกรี๊ดร้องบาดใจ...โอ๊ย! ช่วยด้วย...