ก่อนจะเล่าเรื่องนี้ ดิฉันต้องขอบอกว่าตัวเองเป็นคนกลัวผีมากที่สุด แต่ไม่เคยเจอแบบจังๆ นะคะ จะมีบ้างก็แค่ฝันหรือไม่ก็ผีอำ ซึ่งดิฉันไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าเป็นผีจริงๆ คือถ้าคิดตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วท่านว่าการถูกผีอำนั้นเกิดจากเลือดลมเดินไม่สะดวก
ดิฉันคิดว่าตัวเองยิ่งแก่ก็ยิ่งกลัวผี แปลกดีไหมล่ะคะ? ไม่อยากเชื่อว่าผีมีจริง แต่กลัวผีขึ้นสมองเลยละ! เมื่อตอนสาวๆ ดิฉันนอนคนเดียวได้สบายมาก แม้แต่ตอนไปดูงานถึงยุโรป ต้องนอนพักคนเดียวในโรงแรม ดิฉันก็ดับไฟนอนได้โดยไม่คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้ซิคะ อายุสี่สิบปลาย มีลูกชายกำลังจะวัยรุ่นสองคนแล้ว ดิฉันกลับขี้ขลาดกว่าแต่ก่อน
ยังสงสัยตัวเองว่า ทำไมตอนนี้นอนคนเดียวไม่ได้ อยู่บ้านคนเดียวก็ไม่กล้า มันกลัวไปหมด สามีกับลูกไม่เข้าใจหรอกค่ะ เขาหัวเราะไม่เชื่อว่าดิฉันกลัวจนเป็นทุกข์เหลือเกิน เวลาที่พ่อลูกเขาออกไปเที่ยวข้างนอกกันแล้วกลับดึกๆ น่ะ ทรมานจริงๆ
คุณแม่ดิฉันบอกว่ามันอาจจะเป็นอาการของผู้หญิงใกล้จะวัย "เลือดจะไปลมจะมา" อาการเมนโนพอสหรือใกล้หมดประจำเดือนก็มักจะกลัวไม่มีเหตุผล
ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนขี้ขลาดตาขาวเลยค่ะ แต่ทำไงได้ คืนไหนสามีไปต่างจังหวัดก็ต้องลากลูกๆ มานอนเป็นเพื่อน
เมื่อเดือนเมษายนนี่เอง เราไปเที่ยวหัวหินกันค่ะ เช่ารถตู้ไปจะได้ไปกันหลายๆ คน มีครอบครัวเรา และเลขาฯ ของสามีกับแฟน เราสนุกกันมาก เช่าโรงแรมอยู่ตั้งห้าคืนแน่ะ
ที่หัวหินไม่มีเรื่องผีหรอกค่ะ ดิฉันหมายถึงเราไม่ได้เจอประสบการณ์สยองขวัญกันที่นั่นสักนิดเดียว...แต่ตอนขากลับนี่ซิคะ ดิฉันต้องเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่น่าขนหัวลุก!
เราออกเดินทางจากหัวหินมาตอนเย็นแล้วละค่ะ...พอผ่านชะอำ ผ่านเพชรบุรีถึงวังมะนาวก็ค่ำแล้ว เราบ่ายหน้าเข้ากรุงเทพฯ รถเยอะน่าดู เอ...ชักอยากเข้าห้องน้ำแล้วซิ แต่ก็กลัวคนอื่นรำคาญเลยกลั้นไว้ก่อน
รถแล่นมาถึงไหนก็จำไม่ได้ ดิฉันไม่ค่อยถนัดเส้นทางนี้ รู้แต่คอยมองหาปั๊มเจ็ทเพราะห้องน้ำห้องท่าสะอาด และเด็กๆ จะได้ลงไปซื้อน้ำและของกินเล่นได้ด้วย
ทว่า รถแล่นมาเท่าไหร่ก็มองไม่เห็นปั๊มน้ำมันที่หมายตา อีกทั้งธรรมชาติก็เรียกร้องอย่างสุดกลั้นแล้วนะ สมน้ำหน้า! ก่อนออกจากหัวหินกินน้ำหวานเข้าไปตั้งเยอะตั้งแยะ
เมื่อทนไม่ไหว ดิฉันก็สะกิดคนขับว่าเจอปั๊มไหนก็ช่วยแวะหน่อยนะ เท่านั้นแหละดูเหมือนสมาชิกทุกคนในรถจะพยักพเยิด ดีอกดีใจกันใหญ่ว่าแต่ละคนก็ปวดฉี่แต่กลั้นไว้เพราะเกรงใจ คนขับรถร้องบอกอย่างอารมณ์ดีว่าผมก็ปวดเหมือนกัน!
ฉับพลัน เราเห็นปั๊มน้ำมันข้างหน้า คนขับหักเลี้ยวเข้าไปทันที พอรถจอดเราก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง เปิดประตูได้ก็เดินแกมวิ่งเข้าไปยังห้องที่สร้างไว้หลายห้องติดกัน เหมือนห้องน้ำในโรงเรียนยังไงยังงั้น
น่าสะกิดใจว่าห้องน้ำไม่เปิดไฟเลย มันมืดไปหมด มีแต่แสงไฟนีออนจากร้านขายของเล็กๆ ในปั๊มสาดส่องเข้าไป...
ตอนนั้นมันปวด...ไม่มีแก่จิตแก่ใจจะมองซ้ายมองขวาแล้ว ดิฉันลิ่วเข้าห้องน้ำมืดๆ ปิดประตูได้ก็ปล่อยซะโล่งเลย หูได้ยินเสียงห้องข้างๆ เอาขันแกว่งน้ำเล่น...เอ๊ะ! ใครกันนะ?
ดิฉันตะโกนเรียกลูกๆ แต่เงียบแฮะ มีแต่เสียงเอาขันสังกะสีแกว่งน้ำไปมา ดิฉันเลยรีบออกจากห้องน้ำ แล้วก็ต้องขนลุกซู่ที่ในห้องน้ำอันเงียบสงัด มืดทะมึนนี้มีแต่ดิฉันคนเดียว
เมื่อมองผ่านห้องต่างๆ ราวห้าหกห้องไปถึงสุดทางก็มีแต่ความเงียบ ทว่าห้องข้างๆ ที่ดิฉันเข้า คือห้องที่สองถัดจากห้องแถวริมสุดทางออกนี้ประตูปิดอยู่...และแล้วก็มีเสียงผู้หญิงบ่นอะไรงึมงำๆ ดังแว่วออกมา
ดิฉันรู้สึกงงงัน...ผีเรอะ?! แปลกที่กลับไม่กลัวแต่สงสัยว่านี่มันอะไรกัน?
ดิฉันรีบเดินออกมาพบลูกๆ กับสามีและคนอื่นๆ ที่รออยู่ เขางงว่าดิฉันวิ่งเข้าไปในห้องน้ำที่มืดร้างได้ยังไง ห้องน้ำที่เปิดใช้น่ะสร้างใหม่ สว่างไสวอยู่ด้านตรงข้าม ห่างจากห้องน้ำนี้ไปสิบกว่าเมตรเท่านั้น ดิฉันดันไม่เห็นและหลุดมาเข้าห้องน้ำสยองขวัญนี้คนเดียว
ต้องหันกลับไปมองอย่างเสียวไส้ ขณะปีนขึ้นรถทันที
กลับมาถึงกรุงเทพฯ ยังแสยงอยู่เลยค่ะ คิดๆ ดูแล้วเหมือนมีอะไรมาบังตา หลอกล่อให้ดิฉันไปโดนผีหลอกคนเดียว
แต่เออแน่ะ! ทีโดนผีหลอกจริงๆ ดิฉันกลับไม่กลัว เอาแต่คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ใครหนอมาแกล้งแกว่งขันเล่น เขาจงใจหลอกหรือตั้งใจจะทำให้ดิฉันคิดว่ามีคนอยู่ในห้องน้ำข้างๆ ดิฉันจะได้ไม่กลัวผี...เขามาดีหรือร้ายกันแน่คะ?!
เรื่องเล่าจากคุณ ดาเรศว์