เมื่อสมัย เด็กผมอยู่ที่บ้านขาม อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์…ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม…บ้านผมมีวัดสระบัวงาม เจ้าอาวาสคือพระครูโสภณ เป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งอำเภอและจังหวัดก็ว่าได้
ท่านเป็น กรรมฐาน เชี่ยวชาญทางคาถาอาคม เก่งกาจทางไสยเวท ทั้งรักษาโรคร้ายให้ชาวบ้าน ช่วยเหลือให้พ้นทุกข์ด้วยเมตตาของท่าน จนชื่อเสียงเลื่องลือไปไกล
เล่ากันว่า หลวงพ่อท่านได้คัมภีร์มาจากถ้ำแห่งหนึ่งในเขตจังหวัดน่านในสมัยหนุ่ม
เป็นคัมภีร์จากโครงกระดูกครับ!!
คืนหนึ่ง ขณะที่หลวงพ่อนั่งปฏิบัติกรรมฐานอยู่ในถ้ำ อำนาจพลังจิตทำให้ท่านมองเห็นโครงกระดูกมนุษย์ จึงได้แผ่เมตตาให้วิญญาณที่ล่องลอยสิงสู่อยู่ตามวิบากกรรม จงไปผุดไปเกิดในภพใหม่เสียเถิด
จู่ๆ ก็เกิดเสียงลมพัดอื้ออึงอยู่ภายนอก ราวกับเกิดมหาวาตะรุนแรงเหลือหลาย…แล้วเสียงเยือกเย็นก็ดังโหยหวนมากับ เสียงลม ท่ามกลางความมืดมิดเปล่าเปลี่ยวของราตรี
พระครูโสภณเคยเล่าให้ญาติโยมฟังว่า ในที่สุดท่านก็ขุดพบคัมภีร์นั้นสมจริงตามที่วิญญาณบอกกล่าวไว้ ต่อมาท่านได้ศึกษาจนแตกฉาน นำมาปฏิบัติได้ผลจนถึงบัดนี้!
ว่ากัน ว่า คำจารึกในคัมภีร์นั้นมีทั้งทางดีและทางร้าย เนื่องจากมีคาถาอาคมและไสยเวทต่างๆ เช่นการรักษาโรคร้าย การทำยาสั่งและเสน่ห์ยาแฝดเป็นต้น แต่หลวงพ่อท่านเลือกนำแต่สิ่งที่เป็นคุณประโยชน์แก่คนทั่วไปมาใช้เท่านั้น
เช่น รักษาคนเจ็บป่วย ใครโดนยาสั่งยาเสน่ห์มา ท่านก็ช่วยถอนยาถอนเสน่ห์ให้ แม้แต่คนติดเหล้าที่มีอยู่ไม่น้อย ต้องการจะเลิกดื่มสุราก็มาหาท่านเช่นกัน
วันนั้น ตาเตยถูกลูกเมียลากมายามที่แกยังไม่เมา ขอให้หลวงพ่อช่วย “บวชเหล้า” ตาเตยสัก 2 ปีเถิดจะได้เลิกเมาหัวราน้ำ รู้จักทำมาหากินเหมือนชาวบ้านเขาเสียที
คำว่า “บวชเหล้า” หมายถึงผู้ติดเหล้าจะสาบานตัวว่าจะหยุดดื่มเหล้า 1 ปี หรือ 2-3 ปีก็แล้วแต่จะตั้งจิตไว้
ถ้าอดเหล้าไปได้ระยะหนึ่ง เห็นว่าตนทนไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องไปลาบวช หรือไปถอนคำสาบานกับหลวงพ่อเอง…ต่อจากนั้นก็สุดแต่บุญแต่กรรมแล้วกัน
แต่ถ้าใครไม่มาลาบวช แล้วทวนสาบานกลับไปดื่มเหล้าก็จะต้องมีอันเป็นไปตามคำสาบานแน่นอน
หลวงพ่อให้ตาเตยเขียนชื่อ และวัน เดือน ปีเกิดไว้ให้ท่าน แล้วถามว่าจะบวชเหล้ากี่ปี? ตาเตยผอมดำ ผมขาวโพลน นุ่งโสร่งเก่าๆ ตัวเดียว มีผ้าขาวม้าห่มสไบเฉียงก็หลุดปากว่า…ผมจะหยุดกินเหล้าไปจนตายเลยครับ!
ลูกเมียรีบร้องห้ามว่า ขอแค่ปีเดียวก็พอ ต่อจากนั้นค่อยว่ากันใหม่ ตาเตยยืนกรานว่าจะอดจนวันตายจริงๆ จนเกิดโต้เถียงกับลูกเมียอื้ออึง…
ในที่สุดก็สาบานว่าจะอดเหล้า 2 ปี!
พ่อแม่กราบลาหลวงพ่อพาผมกลับบ้านก่อน เลยไม่ได้ยินว่าแกสาบานไว้ยังไง?
ต่อจากนั้น ชาวบ้านก็คอยดูว่าตาเตยจะอดเหล้าไปได้กี่วัน ไม่ช้าคงจะวิ่งแจ้นไปหาหลวงพ่อ ขอถอนคำสาบานกับท่านเพราะอดเหล้าต่อไปไม่ไหว
ผิดคาดไปตามๆ กัน เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือนๆ ก็ไม่เห็นตาเตยแตะต้องสุราเหมือนเช่นเคย หน้าตาค่อยผ่องใสขึ้น ร่างกายแข็งแรง กลายเป็นขยันทำมาหากินจนชาวบ้านแปลกใจไปตามๆ กัน
เวลาผ่านไปราว 6-7 เดือนก็เกิดเรื่องขนหัวลุกขึ้นมา!
พลบค่ำ วัวควายกำลังจะเข้าคอก เสียงโหยหวนก็ดังมาจากทุ่งหลังบ้าน พวกเราตกใจวิ่งออกไปดูก็ได้ยินถนัดหู… โว้ย! ผีหลอก…ช่วยด้วย!!
ตาเตยนั่นเอง…แกวิ่งมาล้มข้างๆ บ้าน นัยน์ตาเหลือกลาน ชี้ไม้ชี้มือไปที่ทุ่งเปลี่ยวด้านหลัง ร้องว่า…หัวกะโหลกตาโบ๋! โครงกระดูกทั้งนั้นเลย…มันจะฆ่ากู!
ขาดคำก็สำลักเลือดพรวดแดง ฉาน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ลูกเมียแกร้องไห้โฮ…ตาเตยขาดใจตายตรงนั้นเอง! บางคนว่าแกเป็นวัณโรคตาย แต่คนส่วนมากไม่เชื่อหรอกครับ เพราะได้กลิ่นเหม็นเหล้าหึ่งจากศพตาเตยกันทุกคน! บรื๋ออออ…สยองไหมละครับ