ค้นหา

ที่นี่มีผี..รวมเรื่องลึกลับสยองขวัญสั่นประสาทตาเหลือกตากลับ
บางทีก็น่ากลัวบางทีก็ไม่น่ากลัวรวมๆกันไป
ที่นี่เปิด รับทุกอย่างที่เกี่ยวกับผีๆวิญญาณ
ท่านใดชอบเรื่องผีหรือมีคลิปผีถ่ายติดวิญญาณ.. น่าสนใจ..
ติดต่อส่งตั้งกระทู้มาที่ ghost-in-manman ด้านข้างครับ
แนะนำข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเชิญได้ครับ
ดูเว็บ ghost-in-manman แล้วหาความรู้เพิ่มเติม..ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ครับ
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆที่ให้ความสนใจและ ให้ข้อมูลเรื่องน่ากลัวๆเรื่องประสบการณ์ทางวิญญาณ มาทางเราจะนำมาลงให้อ่านกันในครั้งต่อไปนะครับ.....
อย่าลืมดูเว็บ ghost-in-manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เสือสมิง


เสือสมิง คือ เสือที่ดุร้าย และชอบกินมนุษย์เป็นอาหาร ทำให้ความน่ากลัวของศาสตร์ลี้ลับนี้กลายเป็นตำนานที่บอกเล่ากันมาหลายยุคหลายสมัย 

เมื่อเสือสมิงกลืนมนุษย์เข้าไปมากมาย วิญญาณของศพที่ตายไปนั้นก็สิงสู่อยู่ในกายเสือ จนทำให้เสือตัวนั้นเพิ่มความน่ากลัว และสามารถแปลงร่างกลายเป็นใครต่อใครก็ได้ตามที่ใจปรารถนาเพื่อพลางกายตนเอง และเที่ยวล่อลวงเหยื่อคนอื่นให้มาหลงกลตนอีกครั้ง จนในที่สุดก็จะถูกจับกินเป็นอาหาร หากจำนวนศพหรือวิญญาณในกายเสือมากขึ้นเท่าไร เสือตัวนั้นก็จะยิ่งทวีฤทธิ์อำนาจมากขึ้นแบบทวีคูณ

ที่มาของเสือสมิงมีความเป็นมาที่ซับซ้อน ไม่ใช่แค่เสือตัวไหนที่กินมนุษย์เข้าไปแล้วจะสามารถกลายเป็นเสือสมิงได้เพียงแค่นั้น แต่ยังมีอีกวิธีที่จะสามารถกลายร่างเป็นเสือสมิงได้เช่นกัน วิธีดังกล่าว ก็คือ จะต้องร่ำเรียนวิชาเสือที่สามารถเรียกวิญญาณให้เสือร้ายเข้ามาสิงในกายตนได้ นอกจากนี้ยังต้องร่ำเรียนอาคมในทางเดรัจฉานวิชาด้วย  เมื่อสะสมนานวันเข้า ทุกๆอย่างที่ป้อนเข้าไปทั้งวิชาเรียกเสือและอาคม ก็จะเกิดการรวมตัวเข้าด้วยกัน และทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นเสือสมิงในที่สุด ร่างของเสือสมิงจะสมบูรณ์เมื่อเสือตนนี้กินคนเข้าไป

กล่าวถึงเรื่องเล่าที่เป็นที่กล่าวขานกันมาอย่างมากเมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งโด่งดังมากถึงขั้นลงข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์รายใหญ่ของประเทศ 

เรื่องเล่านี้กล่าวกันว่า ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในภาคเหนือ มีชาวบ้านหลายคนได้รับความเดือดร้อนจากการที่เสือตัวใหญ่ลอบเข้าไปเข่นฆ่าทำร้ายร่างกายของคนในหมู่บ้าน ชาวบ้านพากันหวาดกลัวเสือตัวนี้เป็นอย่างมาก จึงไปขอร้องทหารหน่วย ตชด. มาคอยคุ้มครองดูแลความปลอดภัยให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้าน หลังจากนั้น หน่วยทหาร ตชด. ก็ได้ส่งกำลังทหารเข้ามาตามล่าเสือและคอยคุ้มครองชาวบ้าน

ตกดึกคืนหนึ่ง ขณะที่ฝ่าย ตชด. กำลังแบ่งกำลังเพื่อเดินตรวจตรา และส่วนที่เหลือก็เข้าพักนอนหลับบนศาลา ขณะนั้นเอง ศาลาที่หน่วย ตชด. อาศัยหลับนอนอยู่ก็เกิดสั่นไหว ทำให้ทหารที่นอนอยู่ รีบตื่นเพื่อลุกขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อตื่นขึ้นมาก็เห็นเสือโคร่งตัวใหญ่ 4 ตัว ยืนพิงอยู่ที่โคนเสาของศาลา ทหารทั้งหมดตัดสินใจยิงปืนใส่เสือโคร่งตัวใหญ่นั้นไปหลายนัด จนทำให้เสือโคร่งบาดเจ็บ 
และวิ่งหนีหายไปในความมืดมิด

เช้าวันรุ่งขึ้น หน่วยทหารพยายามแกะรอยเดินทางตามรอยเลือดของเสือตนนั้นไป จนในที่สุด ก็ติดตามมาจนรอยเลือดสิ้นสุดที่หลุมเนินดินแห่งหนึ่ง ที่บริเวณรอบข้างไม่ปรากฎกายของเสือตัวนั้นเลย ทหารเหล่านั้นจึงตัดสินใจค้นหาคำตอบโดยการขุดหลุมเปิดเนินดินนั้น หลังจากที่เหล่าทหารขุดหลุมไปสักพักจนลึกพอ

ประมาณ ก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า ซึ่งปรากฎเป็นศพของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ท่อนบนเป็นมนุษย์ แต่ท่อนล่างเป็นสภาพของเสือลายพาดกลอน ซึ่งดูคล้ายๆว่า เป็นการกลายร่างกลับจากเสือเป็นคนที่ยังไม่สมบูรณ์นั้นเอง

เมื่อสอบถามถึงที่มาและหลักฐานของศพชายผู้นี้ ก็ได้เรื่องราวว่าชายผู้นี้เป็นคนในหมู่บ้านแถวนั้น ซึ่งเสียชีวิตลงเพราะผิดผี แต่ชาวบ้านก็ยังสงสัยถึงประเด็นการผิดผีที่ผู้ชายคนนั้นเป็น  ว่าผู้ชายคนนี้ผิดผีอะไร และอย่างไร อย่างไรก็ตาม หนังสือไม่ได้กล่าวถึงคำตอบของคำถามนี้ จึงไม่สามารถวิเคราะห์คำตอบที่ถูกต้องได้

ช่วงสมัยนั้น ยังมีอีกหนึ่งวิชาที่คล้ายคลึงกัน นั่นก็คือ วิชาแปลงร่างเป็นจระเข้ ซึ่งหากใครสนใจในเหตุการณ์เรื่องนี้ก็สามารถค้นหาข้อมูลจากประวัติและเรื่องราวของหลวงปู่สุข วัดมะขามเฒ่า จังหวัดอยุธยา ได้ ก็จะสามารถมองเห็นความใกล้เคียงของเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปได้ นอกจากนี้ ศาสตร์การแปลงกายนี้ยังมีปรากฏในเรื่อง ขอกสินดิน แต่หากเป็นวิชาแปลงกายเป็นเสือสมิงและวิชาจระเข้โดยเฉพาะนี้ ได้จางหายและสาบสูญไปแล้ว เนื่องจาก วิชาเช่นนี้ให้โทษแก่คนที่ร่ำเรียนมากกว่าที่จะให้คุณประโยชน์ ในปัจจุบัน อาจารย์ทั้งหลายหรือผู้ที่เล่าเรียนอาคม มักนิยมปลุกเรียกเสือเพื่อลงในเครื่องรางมากกว่าจะเรียกให้มาสิงที่คน

ในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับเสือสมิงบันทึกไว้เช่นกัน เรื่องราวมีอยู่ว่า ครั้งเมื่อพระองค์เสด็จประพาสต้นไปที่จันทบุรี พระองค์ทรงโปรดไปเสด็จเยี่ยมความเป็นอยู่ของประชาชนตามหัวเมืองต่างๆ ในหลายๆจังหวัด ทั้งนี้ห็เพื่อค้องการทราบสารทุกข์สุขดิบของประชาชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นการกระทำที่ดีกว่าการอ่านรายงานจากข้าราชการเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ การที่พระองค์ได้เดินทางไปในที่ต่างๆ ยิ่งทำให้พระองค์มีพระพลานามัยที่แข็งแรงมากกว่าแต่ก่อนด้วย

จันทบุรีในปี พ.ศ. ๒๔๑๙ เป็นช่วงที่เสือแสดงความอุกอาจเป็นอย่างมาก พวกมันจะบุกเข้าไปล่าอาหารตามบ้านคนแล้วคาบคนไปกินอย่างร้ายกาจ เสือที่เข้ามาจับคนในบ้านจะเป็นเสือแก่ที่ขาดความรวดเร็วว่องไวพอจะวิ่งไล่จับสัตว์อื่นทัน จึงจำเป็นต้องเข้ามาจับคนกินแทน พฤติกรรมการล่ามนุษย์นี้ ทำเอาชาวบ้านตกใจ เสียขวัญ และระส่ำระสายกันไปทั่ว จนไม่เป็นอันกินอันนอน

พระยาจันทบุรีเห็นว่าเสือร้ายชักจะเข้ามาวุ่นวายก่อกวนกับคนมากไปแล้ว ท่านจึงตัดสินใจเผด็จศึกขั้นเด็ดขาดโดยการจัดหาพรานป่าฝีมือดีหลายคน มาช่วยกันออกไปล่าเสือด้วยปืนและจั่นดัก พรานป่าต่างล่าเสือกันอย่างเอาจริงเอาจัง เด็ดขาด และทำให้เสือล้มตายไปเป็นจำนวนมาก เสือที่เหลือก็เกิดความกลัวจนหนีเตลิดเข้าป่าลึกกันไปหมด เมื่อเสือหมดไป ชาวบ้านก็หายจากอาการอกสั่นขวัญหาย และสามารถกลับมาทำอาชีพอย่างสงบสุขได้ดังเดิมอีกครั้ง

แต่ปัญหาเรื่องเสือก่อกวนเพิ่งสงบลงไปยังไม่ทันไร ก็มีข่าวลือเรื่องเสือสมิงมาทำให้ชาวบ้านเกิดอาการอกสั่นขวัญเสียกันอีกครั้งใหม่ ประจวบเหมาะกับช่วงนั้น เป็นเวลาที่พระเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสไปที่บริเวณนั้นพอดี พระองค์ได้ทรงบันทึกเรื่องราวตามพระราชนิพนธ์ ไว้ว่า

“…ราษฎรชาวเมืองเชื่อถือกลัวเสือสมิงกันมาก เล่ากันว่าที่เมืองเขมรมีอาจารย์ทำน้ำมันเสือสมิงได้ ศิษย์ได้ลักน้ำมันนั้นทาตัวเข้า กลายเป็นเสือสมิงไปถึง ๓ คน พลัดเข้ามาในแขวงเมืองจันทบุรี ตัวหนึ่งเป็นเสือดุร้าย เที่ยวขบกัดคนตายที่พลิ้ว ๒ คน ที่ปากจั่น ๑ คน ที่ป่าสีเซ็น ๒ คน รวม ๕ คน อาจารย์เที่ยวตาม ได้บอกชาวบ้านว่าศิษย์สามคนลักน้ำมันเสือสมิงทาตัวเข้า 

กลายเป็นเสือไปทั้งสามคน บิดามารดาของศิษย์นั้นเขาจะเอาลูกของเขา จึงมาเที่ยวตามหา แล้วสั่งไว้ว่าใครพบปะเสือนี้แล้วให้เอาไม้คานตี ฤๅมิฉะนั้นให้เอากะลาครอบรอยเท้าเสือนั้น ก็จะกลับเป็นคนได้ แต่วิธีจะแก้นี้ทำได้ก็แต่เมื่อเสือนั้นยังไม่ทันกินคน รังควานทับเสียแล้ว ถึงจะทำวิธีที่บอกก็ไม่อาจกลับเป็นคนได้”

หลังจากอ่านไปแล้วก็ไม่อาจจะวางใจได้ว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ เหตุเพราะอาจารย์ที่ว่านี้ เหตุใดจึงคิดจะทาน้ำมันที่ตัวคนเพื่อกลายให้เป็นเสือขึ้นมา เขาทำไปเพื่อประโยชน์อะไร เรื่องราวยังคงเป็นที่สงสัยว่าเหตุใดเสือลูกศิษย์จึงต้องวิ่งข้ามชายแดนมาไกลเท่านี้ ทำไมจึงไม่อยู่ที่เขมรเหมือนเดิม อีกอย่างที่ยังเป็นข้อสงสัยกันก็คือ เหตุใดเมื่อเสือกินคนไปแล้ว จึงไม่สามารถกลับคืนร่างเดิมได้ คำถามทั้งหมดยังคงไม่มีคำตอบ ทำให้พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงปักใจเชื่อในข่าวลือที่มีคนกล่าวถึงนี้เท่าไร อีกทั้งยังทรงบันทึกข้อความต่อไปอีกว่า

“…เหมือนเมื่อครั้งก่อนเรามาสัตหีบครั้งหนึ่ง น้ำจืดในเรือหมด ต้องเกณฑ์ให้ทหารขึ้นไปตักน้ำที่หนองบนบกไกลฝั่งประมาณ ๓ เส้น พวกชาวบ้านบอกว่าที่นี่มีเสือสมิงมาเที่ยวอยู่ พระสงฆ์ผู้เป็นอาจารย์มาติดตามเวลากลางคืน แล้วก็ไปนั่งอยู่ที่ใต้ต้นตาลริมหนองน้ำนั้น คอยจะแก้ศิษย์ซึ่งกลับเป็นคน ในเวลานั้นก็ยังอยู่ พวกทหารพากันกลัว กลับมาเล่าจนเรารู้ เราอยากจะให้ไปตามตัวลงมาให้เห็นหน้าอาจารย์สักหน่อยหนึ่ง ก็เป็นเวลาดึกเสียแล้ว ครั้นเวลาเช้าก็ไปเสียจากสัตหีบ ท่านขรัวอาจารย์นั้นป่านนี้เสือมันจะเอาไปกินเสียแล้วฤๅอย่างไรก็ไม่รู้ “

รายการบล็อกของฉัน