ค้นหา

ที่นี่มีผี..รวมเรื่องลึกลับสยองขวัญสั่นประสาทตาเหลือกตากลับ
บางทีก็น่ากลัวบางทีก็ไม่น่ากลัวรวมๆกันไป
ที่นี่เปิด รับทุกอย่างที่เกี่ยวกับผีๆวิญญาณ
ท่านใดชอบเรื่องผีหรือมีคลิปผีถ่ายติดวิญญาณ.. น่าสนใจ..
ติดต่อส่งตั้งกระทู้มาที่ ghost-in-manman ด้านข้างครับ
แนะนำข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเชิญได้ครับ
ดูเว็บ ghost-in-manman แล้วหาความรู้เพิ่มเติม..ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ครับ
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆที่ให้ความสนใจและ ให้ข้อมูลเรื่องน่ากลัวๆเรื่องประสบการณ์ทางวิญญาณ มาทางเราจะนำมาลงให้อ่านกันในครั้งต่อไปนะครับ.....
อย่าลืมดูเว็บ ghost-in-manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สาเหตุที่ผีเข้า

สาเหตุที่ผีเข้า
ในที่นี้อยากจะกล่าวเพื่อเป็นเกร็ดความรู้ที่เราทั้งหลายควรจะเข้าใจบ้างพอสมควร
1. การไม่ยอมละทิ้งสิ่งที่ชั่ว
ส่วนมากจะเป็นกรณีนี้ คนนั้นไม่ยอมละทิ้งสิ่งที่ชั่ว กลับหมกมุ่นเอาใจใส่ จึงเป็นการทอดสะพานให้กับผีที่จะมาเข้า เหมือนกับผู้หญิงคนนั้น ทำผิดไปแล้วยังทำผิดอีก ทำแล้วทำอีก จนกระทั่งเป็นสื่อให้กับวิญญาณชั่วที่จะเข้าสิงเขาแต่บางกรณี เช่น เด็กไร้เดียงสา ผู้เชี่ยวชาญได้สำรวจเรื่องนี้ว่า เขาสามารถสังเกตว่าเด็กนั้นมีส่วนที่เกี่ยวกับบิดา มารดา ปู่ย่าตายาย ที่เคยเล่นกับผีมาก่อนในอดีต ซึ่งมีผลทอดถึงสามชั่วอายุคน นี่เป็นสิ่งที่เขาสังเกตทั่วไป และตรงกันกับอพยพ 20:4-5"อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูป เหล่านั้น เพราะเราคือพระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน ให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชัง เราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน" อพยพ 20:4-5ซึ่งผมเป็นพยานแล้วว่า วิญญาณชั่วถ้ามันเอาเราไม่ได้ มันจะเอาลูกหลานเราฉะนั้น ทุกครั้งเมื่อมีคนกลับใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ ผมจำเป็นต้องให้เขาสารภาพและตัดความสัมพันธ์กับวิญญาณชั่ว โดยที่คนนั้นจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไป ตัดสัมพันธ์กันเลยทันที มิฉะนั้น เราอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ถูกการรบกวนจากวิญญาณชั่วในรูปนี้ก็ได้

2. การปรนนิบัติรูปเคารพ
หรือแม้แต่เล่นกับเรื่องเวทมนตร์คาถา หมอดู โชคชะตาราศี ดูลายมือ ผีถ้วยแก้ว หรือเป่าคาถาอาคม หรือเข้าทรงติดต่อกับผู้ตายหรือหมอผี การทำเสน่ห์ยาแฝด การปั้นรูปรอย การกระทำเหล่านี้เป็นช่องทางที่ผีเข้าสิงได้ง่ายที่สุด ผู้หญิงคนหนึ่งที่ภาคกลาง เห็นคนเขาเล่นเข้าทรงกันมาก ผู้หญิงคนนี้อยากจะหายป่่วย จึงไปเข้าทรงกับเขา สุึดท้ายกลายเป็นคนทรงไป เพราะการได้เล่นกับสิ่งนี้ก็เป็นสื่อที่ชักนำวิญญาณชั่วที่จะเข้าสิงในคนเหล่านี้ และการเข้าไปร่วมประชุมดูผีเข้า หรือในทำนองพิธีบวงสรวงหรือการทำอะไรก็แล้วแต่ หรือแม้แต่การที่จะเข้าไปในบางแห่งซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้ผีเข้าได้
มีผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นพยาบาลอยู่ที่ภาคใต้ เขาเป็นคริสเตียน แต่คงจะเป็นคริสเตียนแต่ชื่อ คือยังไม่กลับใจอย่างแท้จริง เมื่อมีการเข้าทรงกันที่ปัตตานี ผู้หญิงคนนี้อุตส่าห์ลงทุนขึ้นรถมาดูการเข้าทรงเจ้าแม่ที่่ปัตตานี แล้วสุดท้าย ผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้า เพราะการที่เธอมีส่วน มีความตั้งใจ มีเจตนานั้น ก็เท่ากับว่าเธอมีใจศรัทธาอยู่กับสิ่งเหล่านั้น และเมื่อมีใจศรัทธาอยู่กับสิ่งเหล่านั้น ก็แน่นอนทีเดียว ย่อมเป็นสื่อให้วิญญาณนั้นเข้ามาสิงอยู่ในชีวิต ฉะนั้น ขอให้เราทั้งหลายที่เป็นคริสเตียนไม่ควรจะข้องแวะกับเรื่องนี้เลย

3. การซื่อเครื่องรางของขลังมาเก็บไว้
ทั้งเก็บไว้ในครอบครองของเรา หรือในครอบครัวของเรา โดยไม่รู้ตัว นี้ก็เป็นช่องทางให้ผีเ่ล่นงาน หรือให้ผีมีบทบาทในชีวิตของเราก็ได้มีมิชชันนารีคนหนึ่ง กำลังกลับประเทศของเขา ก็ซื้อรูปปั้นที่เป็นรูปตุ๊กตาสวย ๆ ซึ่งเป็นเหมือนกับพระนั่งอยู่ มีหัวแหลม ๆ อะไรทำนองนั้น เขาซื้อเพื่อจะไปประดับบ้านของเขา เมื่อเอาวัตถุนี้เข้าไปไว้ในบ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเขา คือ เกิดเบื่อหน่าย ไม่อยากอ่านพระคัมภีร์ เบื่อหน่ายไม่อยากอธิษฐาน เบื่อหน่ายไม่อยากเข้าร่วมประชุมของคริสเตียน เบื่อหน่ายไม่อยากนมัสการสุดท้าย ผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถสังเกตวิญญาณได้ ก็ถามคนนั้นว่า "บ้านของคุณมีของจำพวกที่เป็นรูปเครื่องรางของขลังมั้ย หรือเป็นรูปปั้น"มิชชันนารีคนนี้คิดไปคิดมา ก็จำได้ว่า ตัวเองซื้อรูปปั้นรูปหนึ่งมาจากต่างประเทศ คิดว่าจะซื้อมาประดับ ไม่ได้คิดว่ามันจะมีพิษสงอะไร แล้วก็เอามาไว้ในบ้าน
แล้วคนถามก็แนะนำว่าให้เอาสิ่งนั้นไปทิ้งเสีย หลังจากที่ทิ้งรูปปั้นนั้นแล้ว บรรยากาศในครอบครัวก็ดียิ่งขึ้น ทั้งครอบครัวก็สนใจ ขะมักเขม้น เอาใจใส่ รักที่จะสรรเสริญพระเจ้าถ้าเรารู้เบื้องหลังในการปั้นรูปเคารพ เราจะรู้ว่าอันตรายขนาดไหนที่จะเอารูปปั้นรูปเคารพเหล่านั้นมาไว้ในบ้านของเรา บางทีเราคิดว่ารูปสวยเอาไว้ประดับบ้าน ขอให้ระวังให้ดี ถ้าคุณไม่รู้เบื้องหลังจริง ๆ จงอย่าซื้อดีกว่า เพราะเป็นอันตรายต่อวิญญาณจิดของเรา มีการต่อต้านเป็นพิเศษในครอบครัวเลยทีเดียวคุณรู้ไหม เวลาเขาจะปั้นรูปหรือหล่อรูปแต่ละครั้ง เขาจะสร้างหอไว้สี่มุม และรูปปั้นจะอยู่ตรงกลาง แต่ละมุมจะมีพระ 5 องค์ไปสวดทั้งวันทั้งคืนสับเปลี่ยนกัน 7 วัน 7 คืน สวดอยู่อย่างนั้นแหละ และคำสวดนั้น ถ้าคุณเข้าใจความหมาย จะรู้ว่าเป็นการสวดอัญเชิญวิญญาณทั้งหลาย เข้ามาสิงสถิตในรูปปั้นนั้น รูปปั้นไม่มีความหมายอะไร แต่ที่สำคัญคือวิญญาณต่าง ๆ ได้เข้าไปอยู่ในรูปปั้นนั้น มันอยากจะอยู่ในนั้น มันไม่ต้องการจะหนี มันคิดว่านั่นที่ของมัน และมันเป็นเจ้าของ และเมื่อเราเอาสิ่งนี้เข้ามาไว้ในบ้านของเรา อันตรายจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ลองนึกวาดภาพเอาดูก็แล้วกันฉะนั้น อย่าให้สิ่งเหล่านี้ เป็นสื่อที่ทำให้บรรยากาศในครอบครัวหรือจิตวิญญาณของคุณหลุดไปจากการติดสนิทกับพระเจ้า และการที่จะมีสิ่งของไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ที่เกี่ยวกับผี เก็บไว้ในตัวหรือในบ้านนั้นอันตรายมาก ขอจำไว้ให้ดี

4. สิ่งที่เป็นสื่อเกี่ยวกับวิญญาณชั่วเข้าสิง
คือ การผูกมัดขวัญ หรือจุดธูปเทียนบูชา บวงสรวงอะไรต่ออะไร พวกนี้ขอให้ระวังอย่าข้องแวะเป็นอันขาด เพราะนั่นเป็นสื่อให้กับวิญญาณชั่วที่จะมาสิงหรือมาคุมชีวิตเรา

5. การที่มีผู้อื่นใช้ไสยศาสตร์สั่งผี
เช่นมีผู้หญิงคนหนึ่ง เขาเป็นคริสเตียน แต่มีแฟนซึ่งไม่เชื่อพระเจ้า และสุดท้ายแฟนของเขาก็ไปหาหมอผี ทำเสน่ห์กับผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขาเกิดมีสติฟั่นเฟือน ถึงกับเพ้อไปเลย และบังคับตัวเองไม่ได้ แต่ขอบคุณพระเจ้า มีคนหนึ่งที่สังเกตวิญญาณสามารถรู้เรื่องนี้ จึงขับไล่ในนามของพระเยซูคริสต์ ทำลายกิจการของผีมารซาตาน ผู้หญิงคนนี้จึงเป็นอิสระ ขอบคุณพระเจ้าถ้าไม่ระวัง พวกไสยศาสตร์ หมอผี ถ้าเราไม่ระวังในการดำเนินชีวิต เราอาจจะถูกอิทธิพลของมันก็ได้ ฉะนั้น เราต้องระวังอยู่เสมอ ให้จิตวิญญาณของเราติดสนิทอยู่กับพระเจ้า เพื่อจะเข้มแข็งอยู่เสมอ ไม่อ่อนระอาลง จึงจะต่อต้านกับวิญญาณชั่วได้

6. การเข้าไปตีตัวสนิทกับผู้ที่ทุ่มเทในเรื่องวิญญาณชั่วมาก
เช่น ไปสนิทกับหมอผี ขอจำไว้ว่าอิทธิพลของวิญญาณชั่วนั้น ถ้าคุณไม่ได้ไปเพื่อจะปลดปล่อยเขา แต่ไปเพื่อจะตีสนิทกับเขาเฉย ๆ ระวังอันตรายในเรื่องการอัศจรรย์ต่าง ๆ นั้น เราจะต้องพึ่งอาศัยฤทธิ์ของพระเยซูคริสต์ผู้เดียวเท่านั้น เช่น การอัศจรรย์เกี่ยวกับการรักษาโรคไม่ต้องไปพึ่งวิญญาณชั่ว เรื่องวิญญาณชั่วนั้นขอให้มันอยู่ห่างไกลจากชีวิตเราส่วนเรื่องของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนซาตานก็มีของปลอมไว้เกือบครบชุดด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรค ซาตานก็มี จะเป็นการพูดภาษาแปลก ๆ ซาตานก็มีก่อนคุณแม่ของผมจะเป็นคริสเตียน ท่านไปเข้าทรง และก็ได้อำนาจแปลภาษาแปลก ๆ แต่เป็นอำนาจของวิญญาณชั่ว และการทำนาย ซาตานก็มี ดังนั้น เราจำเป็นจะต้องสังเกตวิญญาณเหล่านั้นว่าวิญญาณนั้นมาจากพระเจ้าหรือมาจากผีมารซาตาน

ศจ. สมศักดิ์ ชูสงฆ์
จากหนังสือ พระคริสต์พิชิตซาตาน
สำนักพิมพ์ กนกบรรณสาร

10ยอดภาพถ่ายผีจากเมืองผู้ดี

Ghost photos.
10. "The Brown Lady" of Raynham Hall
ภาพ ถ่ายนี้ถูกในปี 1936 ที่ห้องโถง Raynham ในNorfolk,ประเทศอังกฤษ, โดยสองช่างภาพของนิตยสารชีวิตประเทศ ถ่ายที่ห้องโถง Raynham มีชื่อเสียงยาวถูกสิ่งสู่โดยในรูปว่ากันว่าเป็นผีของสุภาพสตรี Dorothy Townshend, ผู้ซึ่งตายใน1726 โดยผีตนนี้มีผู้พบเห็นจำนวนมากมายผ่านในหลายปีที่ผ่านมา โดยผู้ถ่ายผีตนนี้อ้างว่าเขาจับภาพหน้าจออย่างรวดเร็ว ในขณะที่มันลงมาบันไดลงมา

9. The Hampton Court Ghost
รูป ถ่ายนี้ถูกถ่ายในธันวาคมของ2003 ศาล Hampton , ใกล้ลอนดอน, ที่ซึ่งกษัตริย์เฮนรีที่ VIII ประหารชีวิตคน ว่ากันว่าผีตนชื่อมีชื่อว่า Anne Boleyn เป็นผีไร้หัวที่ท่องเที่ยวหอคอยของลอนดอน รูปนี้ถ่ายในบริเวณประตูไฟโดยยามตรวจการณ์ได้ถ่ายรูปไว้เพื่อความปลอดภัย และเมื่อเห็นรูปภาพรูปผีที่มีเครื่องแต่งกายกำลังเดินผ่านประตู ยามตรวจการณ์สาบานว่า ไม่รู้สิ่งนี้ คือใคร?


8. The Newby Church Monk
รูปนี้เป็นของขุนนางคนหนึ่งถ่ายรูปที่บูชาที่โบสถ์ของเขา ทางทิศเหนือ Yorkshire , ประเทศอังกฤษ(สงสัยจังทำไมผีจึงพบมากที่ประเทศอังกฤษ?) และสิ่งนี้ก็ปรากฏออกมาดั่งรูป และรูปภาพนี้ถูกตรวจดูอย่างถี่ถ้วนโดยผู้เชียวชาญด้านการถ่ายภาพ แต่ก็ไม่พบค้นพบหลักฐานอย่างใดๆทั้งสิ้น ว่ามันถูกดัดแปลงหรือเป็นของปลอม และ มันคือใคร? มันมาเพื่ออะไรอะไร? หรือเป็นแค่เทคนิคของหลอดไฟหรือ?

7. The Bed-Ridden Boy
ถูก ถ่ายปี 1999 ที่ Worley โรงแรมเล็กๆในDahlonega, Georgia แต่ไม่สามารถระบุว่าผีที่อยู่ในภาพเป็นใคร จนกระทั้งสี่ปีผ่านมาภาพถ่ายนี้โดยสิ่งทำท่าทางเหมือนพักบนเตียง ได้รับการแจ้งว่าอาจจะผีของคนหนุ่มผู้ซึ่งตายในบ้านในปี 1800


6. Freddy Jackson 's Comeback
ผี ตนนี้คาดว่าเป็นนาย Freddy Jackson ช่างในกองทัพอากาศในสงครามโลก โดย Freddy Jackson ถูกฆ่าในปี 1919 เมื่อใบพัดเครื่องบินตีเขา สองวันต่อมา ได้จัดกองร้อยเพื่อประกอบกับภาพถ่ายกลุ่ม และแล้วผีFreddy Jackson ก็ปรากฏขึ้นอย่างอย่างซื่อสัตย์และยิ้มยิงฟันขาวข้างหลังหูของสหายเพื่อนๆ เขา


5. His Favorite Chair
ผี ในรูปนี้คาดว่าเป็นผีขุนนางเจ้าศักดินา Combermere เขาตายโดยรถม้าสี่ล้อทับเขาตายในปี1891 ต่อมาช่างภาพติดตั้งกล้องถ่ายรูป กับชัตเตอร์แล้วเปิดถ่ายเป็นเวลาชั่วโมงหนึ่งในห้องสมุดของคฤหาสน์ขณะที่ คณะสมาชิกครอบครัวทั้งหมดอยู่งานศพของ Combermere ในระยะสี่ไมล์ออกไป และเมื่อรูปถ่ายออกมาสมาชิกครอบครัวถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อปรากฏหัวของผู้ชาย และแขน บนเก้าอี้ของท่าน คณะจำนวนมากมายบอกว่าสิ่งนั่นดูคล้ายกับท่านขุนนางเจ้าศักดินาคนที่ตายมาก และว่ากันว่าเก้าอี้ตัวนั้น เป็นที่ Combermere ชอบมานั่งพักผ่อนในห้องสมุดประจำ


4. Darn Backseat Drivers!
ใน ปี 1959 นาง Chinnery ที่ไปที่ cemetery ที่จะเยี่ยมหลุมฝังศพของแม่ของเธอ และเธอได้หยิบกล้องมาถ่ายภาพจำนวนหนึ่งให้กับสามีของเธอที่นั่งบรถลำพัง และภาพก็ปรากฏว่ามีผู้โดยสารรถลึกลับปรากฏขึ้นมา เธออ้างว่าผีตนนั้นอาจเป็นแม่ของเธอเอง

3. What Do You Want On Your Tombstone ?
รูป นี้ถ่ายในปี 1996 โดยนาย Ike Clanton ผู้โด่งดัง ได้ขอให้เพื่อนหยิบกล้องถ่ายภาพถ่ายมาถ่ายรูปของเขาทางด้านตะวันตก Boothill ของศิลาหน้าหลุมฝังศพสุสาน เพื่อนเขาสาบานว่าไม่มีใครอื่นๆอยู่ในภาพเมื่อเขาทำถ่ายรูปนี้ เมื่อรูปปรากฏออกมาก็มี"ผู้ชายความลึกลับ"ปรากฏในพื้นหลัง โดยนาย Ike Clanton บอกว่าเขาไม่ได้ใช้เทคนิคใดๆ ทั้งสิ้นในการถ่ายภาพ


2. "And the sea gave up the dead which were in it..."
ถ่าย นี้ถ่ายใน1924 โดยผีสองตนนี้คาดกันว่าเป็นของนาย Courtney และนาย Michael Meehan, สอง crewmen ของเรือ S.S. Watertown, โดยสองคนนี้ถูกฆ่าไม่ตั้งใจโดยควันแก๊สขณะที่ทำความสะอาดถังสินค้า ขณะที่เรือ Watertown ผ่านคลองปานามาจากเมืองยอร์คใหม่ เมื่อธันวาคม วันที่ 4 - 5 เพื่อนคนแรกที่เห็นภาพหน้าของ Courtney และ Meehan กำลังปรากฏในน้ำปิดด้านพอร์ตของเรือ หลังจากที่กัปตันของเรือ Keith Tracy ซื้อกล้องถ่ายรูป เพื่อจะภาพรูปของเรือ หลังคาโค้งของเรือ และใบหน้าของเขา โดยเขาถ่ายไป 6 รูป ผลปรากฏออกมาคือ ห้าแรกไม่ปรากฏสิ่งผิดปกติ แต่ที่หกแสดงอย่างชัดเจนสิ่งซึ่งถูกบอกว่าคือหน้าของสองผู้ตาย Courtney และนาย Michael โดยผู้ X วชาญไม่สามารถยืนยันว่ารูปนี้เป็นรูปถ่ายเทคนิคพิเศษแต่อย่างใด


1. Come On Baby, Light My Fire
รูป นี้ถ่าย วันที่ 19 พฤศจิกายน 1995 ที่ศาลากลางจังหวัด Wem ใน Shropshire ประเทศอังกฤษ โดยถ่ายในตอนศาลากำลังถูกกลืนในเปลวไฟ และไหม้ที่พื้น และแล้วโอตัน ช่างภาพได้กล้องถ่ายรูปของเขาถ่ายที่นั่น และเมื่อล้างภาพก็ปรากฏรูปเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนในdoorway, กับความสว่างของเปลวไฟข้างหลังเธอ ต่อมาภาพถ่ายนี้ ได้เป็นต้นฉบับภาพถ่ายที่ผู้ เชี่ยวชาญตัดสินใจนั่นรูปภาพผี 100% ที่แท้จริง โดยคาดกันว่าผีตนนี้เป็นเด็กผู้หญิงอายุปี14 ชื่อ Churm, เธอตายเนื่องจากถูกไฟคลอกได้เนื่องจากไฟไหม้บ้านเพราะความสะเพร่าในการดับ เทียนไขในปี 1677

เรื่องผีในมหาวิทยาลัย(เกือบ)ทั่วเมืองไทย


1จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
-ตึกอักษรเก่าจัดเลยเรื่องผีเยอะ
-สมัยยังใช้การตึก 2 นิเทศได้เต็มที่นั้น มีเรื่องเล่าว่า หลังสามทุ่มไปถ้าเดินลงบันไดเวียนจะลงมาเจอชั้นสามประมาณสี่ครั้ง (บรื๋อออ)

2มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
-เคยมีนิสิตซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างแล้วประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต (คงจะจริง มานขับยังกะสนามแข่ง)
-ที่วิทยาเขตศรีราชาตรงประตู 1 มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนดึกๆห้ามขับรถไปตรงนั้น เพราะมีรุ่นพี่จามาเอาวิญญาณไปอีก 4 ดวง (แต่เค้าเอาเฉพาะคนหน้าตาดีน่ะ)
-ที่วิทยาเขตศรีราชาห้องน้ำที่ตึก EnG ไม่มีกระจก เพราะว่า มีคนเห็นสิ่งลึกลับบ่อยมาก จนต้องเอากระจกออก
-ที่วิทยาเขตศรีราชา หอในตึก 3-4 เฮี้ยนมาก เคยมีคนเห้นบ่อยๆ เพราะเปนป่าช้าเก่า
-ที่วิทยาเขตศรีราชา หลวงพ่อเคยมาทำพิธีปัดรังควานที่มอ แต่ท่านบอกว่าที่นี่แรงเกินไป
-ที่วิทยาเขตศรีราชา สักตอน ประมาณตี 2 ให้ออกมาดู ถ้าอยากเห็น.... คนอ้วก
-ที่วิทยาเขตกำแพงแสน เวลาขี่มอไซด์เข้า-ออกนอกม.ตอนกลางคืน พยายามอย่ามองตรงต้นนนทรีข้างทางมากนะ ถ้าไม่อยากเห็นใครก็ไม่รู้มากวักมือเรียก ได้ข่าวมาว่านนทรีแทบทุกต้นมีประวัติ
-ที่วิทยาเขตกำแพงแสน ใต้ตึกปฐพี เคยเจอนิสิตเป็นกลุ่มเลยมาซ้อมลีด แต่พอมองไปอีกทีก็ไม่เจอแล้ว แล้วตกลงที่เห็นก็ไม่รู้ว่าใคร(ประสบการณ์ตรง)
-ที่วิทยาเขตกำแพงแสน เวลาซ้อมstuffเชียร์ของคณะช่วงซัมเมอร์ ให้ระวังจะมีใครก็ไม่รู้มานั่งฟังด้วย
-ที่หอใน(หญิง) มีหอๆนึงเคยเป็นโรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน และห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำอยู่ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยซักคน
-หอใน(หญิง) มีตึกใหญ่ 2 ตึก ตึกนึงชั้น 2 เคยมีเด็กตายเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดูตอนก่อนปิดซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึงมีคนเพิ่งจะพบศพ เคยมีคนเห็นว่าหลังจากนั้นยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำหน้าห้องอยู่เลย
-หอใน (หญิง) อีกตึกนึง แต่ก่อนกระจกเดิมตรงบันไดทางขึ้น(ตอนนี้เปลี่ยนใหม่แล้ว) จะมีเงาคนวูบวาบเสมอๆ บางครั้งยืนแปรงฟันอยู่ที่อ่างล้างหน้าหน้าห้อง เงยหน้าขึ้นมาก็มีผีทหารยืนอยู่ข้างหลัง.....

3มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-ถ้าขับรถผ่านตึกคณะวิดยาตอนดึกๆ เค้าบอกให้มองขึ้นไปบนตึกจะเจอของดี
-ลิฟต์ตึก SCB 1 คณะวิทยาศาสตร์ "ม.เชียงใหม่" จริงๆ ต้องมีสามตัว แต่มีใช้แค่สอง ลือกันว่า ลิฟต์ตัวที่สามเคยมีคนตกลงมาตาย(ตอนตึกใกล้เสร็จ)
-หอ 1 หญิง "ม.เชียงใหม่" ในห้องอาบน้ำบางทีก็มีน้ำสีแดงๆ ไหลออกมาจากฝักบัว (คาดว่ามันน่าจะเป็นน้ำสนิมของแท็งค์น้ำมากกว่า)
-หอสมุดกลาง ของ "ม.เชียงใหม่" ว่ากันว่า ตอนก่อสร้าง เมื่อทำส่วนฐานรากอาคารขุดพบโครงกระดูกเยอะมากๆ
-เคยมีหมีควายหลุดออกมาจากสวนสัตว์วัดฝายหิน จนเจ้าหน้าที่ต้องประกาศให้คนที่พักผ่อนอยู่รอบอ่างเกษตรต้องรีบออกไปทันที
-หอนาฬิกา มช. ถ้าขับรถเวียนซ้ายครบ 3 รอบ จะ....................................โดนรถชน
-ทุกวงเวียนใน มช. มีเรื่องผีกำกับไว้เสมอ เช่น เปรตหอนาฬิกา ขบวนแห่ไร้หัววงเวียนมนุษย์
-ที่ภาควิชาเคมี คณะวิทย์ มีลิฟต์ที่ถูกปิดตายเพราะเคยมีอาจารย์ฝรั่งติดอยู่ในนั้นในวันหยุดยาว
-ที่ภาควิชาชีวะ คณะวิทย์ เคยต้องทำบุญใหญ่ เพราะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นทุกวัน เช่น เก้าอี้แล็บหมุนเอง หรือมีเสียงคนเดินบนบันไดตอนเที่ยงคืน มีเงาคนเดินไปมาในเรือนเพาะจำใต้ตึก จนตอนนั้นไม่มีใครกล้าอยู่ทำงานที่ภาคหลังพระอาทิตย์ตก บางคนว่าเป็นวิญญาณของสัตว์ทดลองมากมายที่ต้องใช้เรียนกัน
-ตำนานผีในคลาสสิคที่สุดของ มช. คือ ป๊อก ป๊อก ครืด
-ผีที่เด็กมช.น่าจะเคยได้ยินบ่อยที่สุดคือ ผีป๊อกครืด (ผู้รู้ช่วบบอกด้วยมันคืออะไรนะครับ)
-หอ 2 ชาย กลางวันดูเหมือนไม่มีอะไร แต่บรรยากาศตอนกลางคืนที่หอนั้น เป็นอะไรที่หลอนจริงๆ
-หลังจากมีเหตุฆาตกรรมบริเวณข้างประตูหน้า ม. ที่หอ 40 ปี เคยมีคนได้ยินเสียงประหลาดในตอนกลางคืน
-หากเดินผ่านอ่างแก้วตอนกลางคืน อาจเห็นตามพุ่มไม้มีขางอกออกมา เรียกกันว่าต้นไม้กินคน


4มหาวิทยาลัยขอนแก่น
-"สะพานขาว" เป็นสะพานยาวๆ ข้างสระพลาสติก มีเจ้าที่ชื่อ "เจ๊ขาว" เป็นผู้หญิงผมยาวๆ ใส่ชุดสีขาว เจ๊แกชอบออกมาทักทายเด็กที่ ขับมอไซด์ ผ่านสะพานตอนดึกๆ
-เค้าเล่ากันว่า อย่ามองจั่วของตึกคณะ ถาปัด ขณะขับรถ เพราะมันจะเกิดอุบัติเหตุ
-ที่ศาลเจ้าพ่อมอดินแดง ไปกลางวันก้หลอนนะ รุ้สึกเหมือนมีคนมองตลอดเวลา
-แล้วก็เซียมซี แม่นมากๆ ถามตอนต้นเทอมว่าเกรดเทอมนี้จะเป้นไง ท่านกล่าวว่าจะได้ เอฟ .....เอฟจริงๆ แม่นปานนั้น

5มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
-ม.ธรรมศาสตร์ ต้องมีนักศึกษากระโดดตึกเป็นประจำ ทุกปี (ไม่รู้เป็นอะไร...)
-ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ครับ ลิฟท์แดงงัย ขนศพนักศึกษาที่ประท้วงการปฏิวัติ ลงมาจากชั้นบน เลือดงี้เต็มลิฟท์เลย เลยได้ชื่อว่า "ลิฟท์แดง" (รู้มาแค่นี้แหละครับ)

6หาวิทยาลัยศิลปากร
-หอห้า มีผีจริงๆ
-ลานทรงพล ฮือๆ แห็นแบบว่า รำออกมาเลยทีเดียว
-หอพักหญิงมีผีแทบทุกหอแหละ โดยเฉพาะหอเพรชรัชน์สี่กะเพรชรัชน์สองนี้สุดยอด
หอทับแก้วหนึง เป็นหอชาย มีคนได้ยินเสียงเหมือนคนเอาเหล็กมาลากประตูดังแกรกๆ ๆ แต่ว่ามันดังมาจากในตู้

7มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ -ABAC
-หอ(ใน)ชาย ปิดตายชั้นแปด เนื่องด้วย ...อะไรไม่รู้
หอชายมีทุกชั้นที่ไม่มีเบอร์ห้อง ห้องจะอยู่กลางตึกตงบันไดหนีไฟกลาง เค้าบอกว่าเป็นห้องเจ้าที่ แต่มีบางห้องบางชั้นที่ไม่มีคนอยู่แล้วก็เอาเบอร์ห้องออกออกอันนี้ไม่รู้ทำไม
-ประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว มีอาจารย์ท่านหนึ่งเสียชีวิต (หัวใจวายเฉียบพัน) อยู่ที่ห้องพักอาจารย์ชั้นหก ตึก C กว่านักการจะมาพบก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มถึงได้ทําการเคลื่อนย้ายศพออก ตอนนั้น Computer Center อยู่ตึก C ชั้น 10 ถ้าไปถามพวกรุ่นพี่รหัส 34 ลงไปก็น่าจะจําได้
-หลังจากนั้นไม่นานเรื่องก็ได้เกิดกับนักศึกษา BBA COM คนหนึ่ง น้องคนนี้ทำAssignment ที่ห้องคอมอยู่จนกว่าจะเสร็จก็ประมาณสามทุ่ม น้องเขาเดินออกมาลงลิฟคนเดียวจากชั้นสิบ พอลิฟลงมาถึงชั้นหก ลิฟก็เปิด ปรากฏว่า มีผู้ชายคนหนึ่งยืนพิงกําแพงอยู่หน้าลิฟ ก้มหน้ามองพื้นน้องเขาก็กดลิฟคอยแล้วถามว่า จะลงไหม? แต่ไม่มีเสียงตอบจากชายคนนั้น น้องเขาก็รอนิดหน่อย ชายคนั้นก็ไม่มีกริยาใดๆ ก็เลยกดลิฟปิดไป พอลิฟลงมาชั้นห้า ลิฟก็เปิดออกอีก ปรากฎว่าเจอ ผู้ชายคนเดิม ยืนอยู่ในถ้าเดิม ก้มหน้า น้องเขาก็เอะใจ ก็ถามอีกว่าจะลงไหม ก็ไม่ตอบอีก น้องคนนี้ก็เริ่มใจไม่ดี จึงไม่พูดอะไร แล้วกดลิฟปิด
พอลิฟลงมาชั้นสี่ ปรากฎว่าลิฟก็เปิดอีก สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผู้ชายคนเดิม ยืนอยู่ท่าเดิม แต่คราวนี้ เงยหน้ามาทางน้องที่อยู่ในลิฟท์ แล้วบอกว่า ช่วยด้วย!!!!
ตั้งแต่วันนั้นน้องคนที่อยู่ในลิฟก็ไม่ได้กลับมาเรียนอีกเลยเพราะทาง บ้านต้องนํา ตัวไปบําบัดอาการจิตหลอนทางประสาท อันนี้เป็นเรื่องเล่าของรุ่นก่อนๆครับ ลองไปถามรุ่นพี่ๆ รหัส 31, 32, 33 ได้
-เรื่องที่มีเด็กโดดตึกตายเมื่อปีก่อน
ที่เกิดเหตุน่ะรู้สึกจะเป็นตึกQชั้นสิบกว่าๆอ่ะนะ
คนแรกเค้าว่าเด็กกลัวจบไม่พร้อมเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน กลุ้มมากเลยโดดตึก
แล้วหลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆถึงความเฮี๊ยนของเจ้าหล่อนอ่ะนะ
หลังจากวันนั้น เริ่มจากเพื่อนเรา คนนี้ขี้กลัวนิดหน่อยแต่ไม่คิดว่าหล่อนจะออกมากลางวันแสกๆหรอก ก็ชวนเพื่อนไปอีกคน ปรากฏว่า ลิฟมันเปิดที่ชั้นนั้นเองอ่ะ พอเปิดแล้วก็ไม่มีคนอยู่ แล้วก็เหมือนมีลมพัดเข้ามาในลิฟวูบนึง เพื่อนเรากลัวมากเลย คนที่ไม่กลัวก็บอกว่าคงมีคนกดลิฟแล้วขึ้นลิฟอีกตัวไปแล้วมั๊ (ลิฟต์มี2ตัว) แล้วลมมัยพัดมาจากหน้าต่างพอดีมั๊ง แต่ว่า ความจริง .. ตั้งแต่วันที่เค้าโดดตึกน่ะ ทางม.เค้าจะให้ปิดหน้าต่างไว้ตลอดเลยล่ะ แล้วลมมันจะพัดมาจากไหนล่ะ แล้วใครจะมากดลิฟเล่นล่ะ ตั้งแต่มีเรื่องใครๆก็ไม่อยากมาชั้นนี้กันทั้งนั้นแหละ
แล้วก็มีเพื่อนของเพื่อนโดนมาเหมือนกัน คนนี้เค้าไม่ค่อยกลัว ก็ไปขึ้นลิฟคนเดียว ก็ อย่างที่โดนกันบ่อยๆแหละ หยุดที่ชั้นนั้นอีกแล้ว เปิดออกมาก็ไม่มีใครอีก แต่ไฟมันดับๆติดๆเฉยเลย ถามคนที่ชั้นนั้นก็บอกเหมือนกันว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาไฟในห้องก็จะติดๆดับๆ บ้างเป็นบางครั้ง แต่แอร์ไม่ดับเป็นแต่ไฟอย่างเดียวอ่ะ เลยตัดปัญหาเรื่องไฟตกไฟเกินไปได้เลย เปิดออกมาไม่มีใครยังดีนะ บางคนเจอหนักๆ เปิดออกมา เจอเจ้าหล่อนยืนอยู่ตรงหน้าต่างหันหน้ามายิ้มให้ด้วย คนที่เจอบอกว่ากลัวมาก แต่ยังมีสติอยู่เลยคิดว่ารีบกดปิดลิฟดีกว่า ...แต่ทว่า .. กดๆๆ มันก็ไม่ยอมปิดอ่ะ
..แล้ว..แล้ว..หล่อนก็กระโดดลงไปจากหน้าต่างตรงนั้นให้เห็นกะตาเลย
-ตึก Q รู้จักสระว่ายน้ำตรงตึก Eกันบ้างมั้ย เชื่อว่า ไม่น่ารู้จักกัน เพราะเดี๋ยวนี้เค้ากั้นไม่ไห้เดินทะลุไปได้ และสระนั้นตอนนี้ก็เป็นของหมู่บ้านไปแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า เมื่องสงกรานต์ซะ 2-3ปีที่แล้ว มีอ.โดดตึก Q ลงมาทะลุหลังคาสระว่ายน้ำพอดี๊ พอดี สระว่ายน้ะนั้นก็โดนปิดไป ซักเดือนกว่าๆ ได้ เพราะต้องปรับปรุงหลังคา เเละเรื่องคดี พวกมูลนิธิ เค้าก็มาเก็บศพไป แต่.......หาลูกตาไม่เจอ1ข้าง เหอๆๆ พอหลังจาสระเปิดก็มีคนไปว่ายน้ำอะก็เจออะไรกลมๆ เท่าผลส้มลอยมา ปรากฏมันคือลูกตาข้างที่หายไปอะ เหอๆๆ หลอนดี
-ตีก E ชั้น 4 ด้านหลังที่ทะลุตึก C จะทีทางด้านด้านหลังที่อยู่หลังห้องน้ำชายหญิง
มองลงไปจะเห็นที่จอดรถที่ไม่มีหลังคาด้านล่าง น่าจะปี 45-46 มีนักศึกษาสาวคณะวิศวะ เครียดเรื่องไรไม่รู้ โดด ลงไปกระแทกเสาไฟฟ้า(ที่อยู่ในลานจอดรถ) (แต่มหาลัยถือว่าตายนอกมหาลัย) ก้เลยปิดเรื่อง
-ตึกร้างที่ใช้จอดรถ เค้าว่าเฮี้ยน (เดี้ยวนี้ ไม่ให้จอดแล้ว)

8มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 
-ลิฟท์อาคาร 9 ที่วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ใครที่ขึ้นตอนดึกๆแล้วมีคนกดเรียกที่ชั้นบนสุด พอเปิดมาไม่เจอใคร แล้วรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามา ให้รู้ไว้เลยว่าเป็นคนงานที่ตกลิฟท์ลงมาตาย เค้าจะลงด้วย (ตัวไหนไม่รู้ พิสูจน์กันเองนะ)
-ที่อาคาร 10 กล้วยน้ำไท มีห้องเรียนอยู่ห้องหนึ่ง บางครั้งจะมีนศ.ไม่ได้รับเชิญแต่งชุดดำมานั่งเรียนด้วย พอหันไปมองอีกทีปรากฏว่าไม่มีใคร!!
-มีเรื่องเล่าเรื่องศาลพระภูมิล่องหนที่หอแกรนด์ หอพักหน้ามหาวิทยาลัยว่า นักศึกษาหลายคนเคยเห็นศาลพระภูมิตั้งอยู่ แต่ในความเป็นจริง มันไม่มี
-เอทีเอ็มหน้ามหาวิทยาลัยหายไปใหนหมด ใครรู้บ้าง??
- แกรนด์คอนโด เป็นที่ขึ้นชื่อมากในเรื่องผี ถ้าอยากเจอ กลางคืนให้หาเรื่ออยากกินนั่น นู่น นี่
แล้วเดินลงบันไดมาซื้อ จะลงลิฟท์ก็ได้ แต่โอกาสเจอน้อยกว่าลงบันได ลองดู
-วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ห้องปฏิบัติการฝึกจำลองของภาควิชาการท่องเที่ยวการโรงแรม ลองขึ้นไปเวลาไม่มีใครอยู่ แล้วมองลอดช่องประตูเข้าไปในห้องด้านใน จะมีใครสักคนมองส่องตอบมาในระยะประชิดแบบตาต่อตาเลย
9มหาวิทยาลัยบูรพา
-ตึก SD มีลิฟต์ตัวนึงมีผีด้วย คือลิฟท์จะเปิดเอง แล้วถ้าลิฟท์เปิดเอง ให้หลีกทางให้เขาเข้ามาด้วย แต่ถ้าขี้เกียจให้บอกว่า "เต็มแล้ว รอไปเที่ยวหน้านะคะ" จะได้ผลพอๆกัน
-หอ3 (หอชาย) ห้อง 306 พี่หอบอกว่ามีคนผูกคอตายในตู้เสื้อผ้า ห้องนั้นมีผีจริงๆนะ
-หอ14 (หอหญิง) ห้อง 303 เคยมีคนเล่นผีถ้วยแก้วแล้วโดนผีสิง
-ตึก B100 (ตอนนี้คือตึกพาณิชยนาวี ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวิทยาลัยการขนส่งและโลจิสติกส์) เป็นที่เลื่องลือว่ามีผี
-ตึกมนุษย์ฯมีสาวสไบเขียว แต่ตึกสาธารณสุข มีสาวกิโมโนสีขาว
-ที่ไหนสักแห่งนึงในม.บู เคยเป็นที่ฝังศพทหารที่ตายในสงคราม..
-หอ 14(หรือเปล่า) ที่เป็นห้องพักของดาราสาวคนนึงที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ปัจจุบันนี้ห้องนั้นยังถูกปิดตาย แต่ยังมีคนได้ยินเสียงคนอยู่ภายในห้อง

10มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
-เหมือนกับทุกมหา'ลัย โดยเฉพาะหอหญิงจะมีเรื่องเล่าและตำนานที่ไม่รู้สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยไหน อย่างเรื่อง "ผีอำ" หอหญิงจะมีบ่อยมาก แต่ถ้าเป็น "ผีอม" สามารถหาฟังได้จากฝั่งหอชาย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเรื่อง ความสัมพันธ์ของผีกับการเมียไทย
-หอหญิงที่เฮี้ยนๆ ในระดับตำนาน เช่น S2 เรื่องผีชุดไทยโบราณ, ชุดตะเบงมาน วิ่งทะลุ 3 ห้อง ว่ากันว่าต้องนิมนต์หลวงพ่อคูณมาเหยียบถึง 2 ครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอีก หรือจะเป็นผีเด็กที่ S4 ที่ว่าอาบน้ำอยู่ดีๆ แล้วมีเด็กมาเล่นน้ำ
-หอหญิงที่เป็นข่าวดังที่สุดคือ S15 โซนต้นโพธิ์ จากการที่เด็กนักเรียน รด. มาพักแล้วพากันเล่นพิเรนบริเวณต้นโพธิ์ และเกิดอาการคลุ้มคลั่งไปตามๆ กัน ซึ่งแพทย์ก็วินิจฉัยว่า เป็นความบกพร่องทางประสาทชนิดติดต่อ เนื่องจากการฝึกหนักในช่วงกลางวัน
-ลานจอดรถยนต์เก่าและป่าละเมาะ ข้างศูนย์บรรณาสาร (หอสมุด) ว่ากันว่าเป็นบริเวณที่นิยมนำคนมานั่งยาง และเป็นแดนประหารเก่า ว่ากันว่า รปภ.กะดึกเคยเห็นผีคอขาด เดินลากโซ่เสียงดังเกรียวกราว ดึกๆ ขับรถผ่านแถวนั้น ขนชอบลุกโดยไม่มีสาเหตุ ไม่รู้เป็นเพราะเรื่องเล่าที่ฝังหัวหรือเปล่า
-สวนหย่อม ป่าไผ่สีทอง ข้างๆ ฟาร์มมหา'ลัย ที่นี่ "เขา" ชอบหยอกล้อคนขับรถคนเดียว โดยรถคันอื่นจะเห็นว่า เรามีเพื่อนซ้อนมาข้างหลังด้วย โอ้วววว
-บริเวณลานย่าโม และต้นไม้ใหญ่ระหว่างทางไปอาคาร A (อาคารบริหาร) กับอาคาร C (อาคารวิชาการ) ซึ่งต้องทำถนนอ้อมต้นไม้ต้นนั้น เป็นถนนจุดเดียวในมหา'ลัย ที่ต้องอ้อมสิ่งกีดขวาง จุดอื่นพี่แกฟันเหี้ยนไม่เหลือ
-สุรนิทัศน์ หรือ แอมฟิเธียเตอร์ สถาปัตยกรรมที่มีเส้นลวดขึงเป็นองค์ประกอบ เรื่องเล่าที่จุดนี้คือจะเห็นสิ่งซึ่งคล้ายคนไปนั่งห้อยขาอยู่บนเส้นลวด
-สรุปแล้วทั้งมหา'ลัย เพราะพื้นที่ 7200 ไร่นั้น ในอดีตเป็นป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ ว่ากันว่าถูกใช้เป็นสถานที่ฆาตกรรมที่ขึ้นชื่อของโคราช อีกทั้งยังเป็นทางรบสมัยท้าวสุรนารีอีกด้วย จึงทำให้มีเรื่องเล่ามากเป็นพิเศษ
-บริเวณน่ากลัวทุกๆ จุดข้างบน จะมีรปภ. ไปตรวจอยู่เสมอ และมักรายงานกลับไปยังหน่วยว่า "เหตุการณ์สงบ พบหนึ่งคู่ (หรือมากกว่า)


11มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
-หลีกเลี่ยงสถานีพระจอมตอนกลางคืนให้ดีดี ได้ข่าวมาว่าถ้าไปยืนร้องเพลงเชียร์คนเดียวสักพักจะมีคนมาร้องต่อให้ (เฮ้ย!!!จิงดิ!!!!)
-มาเรื่องลี้ลับบ้าง ห้องน้ำหญิง ตึก A ชั้น 5 ของคณะวิดวะ เป็นแหล่งลองของชั้นดีของผู้ที่ต้องการ เพราะมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย แล้วในห้องน้ำนั้นมีแม้กระทั่งศาล (เคยขึ้นไปด้วย จะบอกว่า ตามตำนานคือ สาวถาปัด อกหักจากหนุ่มวิดวะเลยไปผูกคอตาย ที่ว่าสาวถาปัด เพราะจะมีงานวูดคัท ซึ่งเด็กถาปัดต้องได้ทำ อยู่บนหิ้งด้วย ใครอยู่รุ่นแรกๆ แล้วขึ้นไปก็จะได้เห็นรูปเล็กๆของชีด้วย ตอนนี้ไม่มีแล้วแต่ศาลยังคงมีอยู่ ที่สำคัญห้องน้ำตรงนั้นยังเปิดใช้อยู่ แต่บางตำราบอกว่าเป็นสาวคนงานก่อสร้างต่างหาก)
-มีคนล่ำลือกันเกี่ยวกับเสียงดนตรีไทยที่ตึกพระเทพ.... (ชมรมดนตรีไทยและนาฏศิลป์) เดิมทีตั้งอยู่ที่ตึกพระเทพ ใกล้ๆ สระว่ายน้ำ สมาชิกบางคน ชื่นชอบการเล่นดนตรีไทยโดยที่ปิดห้อง ปิดไฟ และเอารองเท้าเข้ามาให้ห้องให้เรียบร้อย... เหอๆๆๆ ถามเพื่อนๆ หลายคน ไม่เคยมีใครรู้ว่ามีชมรมดนตรีไทยตั้งอยู่ที่นั้น จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ชั้น 2 โรงอาหารสถาปัตย์ (ย้ายมา 7-8 ปีแล้ว...) ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า??
-เชื่อมั้ยว่า ตึกวิทย์เก่าเคยมีเด็กทำการทดลอง เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ จนเกิดการสูญเสียมาแล้ว(ยังอยู่ป่าวหว่า)ยืนยันว่าเรื่องจริงครับ พี่อยู่ คณะวิดยามาเหอๆ
สถาที่เกิดเหตุ ชั้น 5 ตึกวิดเก่าซื่งคณะวิดยา ลาดกระบังนั้นจะแบ่งห้องภาควิชาตามชั้นๆของตึกต่างๆ โดย ที่ชั่น 5 จะเป็นชั้นของภาคเคมี โดยในคืนหนึ่งตามปรกติ ก็จะมีนักศึกษษ ป.ตรี ป.โท ทำโปรเจ็คอยู่ให้ห้องกันตามปรกติถึงตี 1 ตี 2 เหรอถึงเช้าก็มีมีอยู่วันหนึ่งมีนักศึกษษป.โท ทำการทดลองอยู่แล้วเกิดผิดพลาดห้องทดลองระเบิด (จริงๆ ระเบิดไฟไหม้ทั้งห้อง ยังมีร่องรอยเหลืออยู่) โดนนักศึกษาผู้โชคร้าย ตาย โดยโดนไฟคลอกทั้งตัว ต่อมา ก็มีนักศึกษาที่ทำงานดึกๆ พบเห็นนักศึกษาคนนั้นมาวนเวียนอยู่ในห้อง และทำการทดลองต่อไป เป็นประจำ 
จนทุกวันนี้ชั้น 5 ตึกวิดเก่า หลัง 6โมงเย็นเป็นต้นไปแทบที่จะไม่มีใครกล้าขึ้นไปทำงานอีกแล้ว และดีไม่ดีเราอาจจะได้เห็นคนทำแลปดึกๆ ทั้งๆที่ไฟยังปิดอยู่ที่ชั้นแล้วเค้าก็โบกมือให้เราเห็นด้วย
ปล..แต่ถ้าเห็ฯจากชั้น 3 ไม่ต้องกลัว เพราะเป็นของภาคฟิสิกส์ทำง่นข้ามวันข้ามคืนเป็นปรกติ

12แม่ฟ้าหลวง
-ทุกตึกในมหาลัย จะมีผีเฝ้าตึกอยู่ เนื่องจากคนงานพม่าที่เข้ามาสร้างตึก ถูกฆ่าโดยนายจ้างคนไทย เพราะไม่อยากจ่ายเงินให้ โดยเฉพาะตึกอธิการ,ลานAV(ใต้ห้องสมุด),หอนานาชาติ(หอเภา สารสิน),หอจีน 1-2 ไม่เชื่อลองถามsecurity guard ที่อยู่มานานๆ
-สังเกตุว่า C1 ตรงทางขึ้นตึก อธิการ มีลิฟต์ฝั่งเดียว อีกฝั่งนั้นปิดตายไว้เพราะ มีคนตกลงไปตายตอน ก่อสร้าง ดึกๆ ไม่มีใครกล้าเดินผ่าน ขนาดยามยังต้องไปกันที่ละ 3-4 คน เวลาเดินตรวจ ว่ากันว่า เป็นสถาปนิก สาว กะลังท้องด้วย! เค้าตกลงไปตอนส่องกล้อง จากชั้น 3 เคยมีโครงการจะ ทำลิฟต์ ปีที่แล้วต่อ แต่ทว่า คนที่ไปทำ จับไข้ทุกราย !
-เคยมีผีเดินผ่านหน้ายาม มีแต่เสียงแต่ไม่เห็นตัว เล่นเอาจับไข้หัวโกร๋น (แล้วรู้ได้ไงว่าเดินผ่านอะ)
- ต้นไม้ใหญ่ข้าง F2 เป็นที่สักการะของคนใน ม. ไม่เชื่อไปดู ทุกปีจะมี พวงมาลัยคล้องใหม่ทุกปี - -"
- ผีเด็ก มี อยู่แถวๆ F1 แต่ห้องน้ำไหน ผมไม่รุ้ ฮ่าๆๆๆ
- หอชาย มีผีเด็ก หอหญิง มีผีฝักบัว
- เด็กปีหนึ่ง ต้องปลูกป่า ไม่ปลูก เรียนไม่จบ ต้นไม้ตาย ก็ไม่จบ (อันนี้อาถรรพ์ป่าวไม่รู้นะครับ)
- ต้นไม้ที่ลานดาว ไม่เคยซ้ำทุกปี ไม่เชื่อลองสังเกตดู
- สระหลังมอ อย่าคิดไปหลังหกโมงเย็น (ไม่บอกด้วยนะว่าเพราะอะไร เง้ออ)
- หารู้ไม่ว่า ต้นไม้ที่เอฟสอง ตอนผมมาอยู่ ไม่เคยมีใครมาไหว้เลย ตอนนี้พวงมาลัย เยอะแทบกิ่งหัก
- เอฟหนึ่ง ขึ้นชื่อเรื่องเฮี้ยน - เอฟหนึ่งจะยิ่งเฮี้ยนเข้าไปใหญ่ เพราะอาจารย์ใหญ่จะมาอยู่ใกล้ๆ(มั้ง)
- เปิดเทอม หลังเกรดออก ลานดาวจะเต็มไปด้วยคนแก้บน
- ดีสอง บรรยากาศดี แต่เหมือนป่าช้า
- สามแยก หน้ามอ คนตายทุกปี

13มหาวิทยาลัยนเรศวร
เรื่องลึกลับ
- หอในหลังใหม่เคยมีคนเจอผีมาแล้ว ตอนช่วงที่หอเปิดใหม่ๆ
- มีคนเคยอ้างว่าเคยพบเห็นชายชุดขาวบริเวณศาลแถวอ่างเก็บน้ำ
- มีเรื่องเล่าจากรุ่นพี่ว่าในวันบวงสรวงมีน้องคณะพยาบาลเป็นลมเพราะเห็นกองทัพสมัยโบร าณเดินทัพลอยมาอยู่บนฟ้า
- หอพักนิสิตหลังใหม่ฝั่งอ่างเก็บน้ำสร้างทับบริเวณที่เคยมีต้นไทรเก่าแก่ประจำมหาวิทย าลัย
- มีคำบอกเล่าจาก อ.คณะวิทย์ ว่าหลังจากที่มียามมอนอถูกแทงตายเพราะทะเลาะกัน ก็มีการจับภาพวิญญาณไว้ได้ในกล้องวงจรปิดของคณะวิทย์ และยามคนนี้ยังได้ไปเยี่ยมเยียนนิสิตบางส่วนที่ชอบอยู่ดึกๆในตึกวิทย์ด้วย (บรื๋อ)
- หลายคนแปลกใจเวลานั่งรถไฟฟ้าไปกับเด็กแพทย์ จะพบว่าเขายกมือไหว้ตึกหลังคาสีแดงๆตั้งอยู่ใกล้ประตู 3 สอบถามมาได้ความว่าเป็นตึกที่ใช้เก็บอาจารย์ใหญ่ของพวกเค้าแหละ
- ถนนเส้นหน้าคณะแพทย์ยังคงเป็นถนนที่มีเรื่องลึกลับมากที่สุดในมอ มีคนเคยโดนกระโดดซ้อนท้ายกลางทาง โดนคนวิ่งไล่แถวหน้าคณะแพทย์ พอขับพ้นบริเวณนั้นคนที่วิ่งไล่ก็หายไป
- หอใหม่ที่นิสิตปีหนึ่งอยู่ก้อน่ากลัวไม่แพ้กัน เคยมีคนเจอตั้งแต่โดนผีอำ เห็นคนมานั่งที่โต๊ะ เห็นคนนั่งอยู่บนตู้เสื้อผ้าแล้วกระโดดลงมาทับ เสียงเด็กวิ่งเล่น เสียงเด็กร้องไห้ และมีข่าวว่าสมัยตอนก่อสร้างหอนั้นมีลูกคนงานที่นำมาทำงานด้วยตกเตียงคอหักตาย
-ถ้าบนพระนเรศวร ห้ามใช้ผลไม้ที่มีสีแดง เช่น เงาะ

14มหาวิทยาลัยBBA
-จะมีคนเห็นผีตาแก่จรจัด นั่งๆนอนๆในเงามืดข้างกำแพง เป็นประจำยามค่ำตืนที่ไม่ค่อยมีคน

-ต้นไทรใหญ่ริมถนน วันดีคืนดีจะมีคนเห็นผู้หญิงใส่ชุดดำ นั่งอยู่บนกิ่งไทรห้อยขาไปมา

15มหาวิทยาลัยศรีนครินท์วิโรฒประสานมิตร(มศว)
-คณะมนุด เอกอังกฤษ มีศาลาประจำเอก คือศาลาเขียว มีตำนานเล่าขานถึงที่มาของ แผ่นป้าย ที่ติดอยู่ในศาลา ว่าทำมาจากต้นตะเคียน วันดีคืนดี จะมีผู้หญิงผมยาวๆ มานั่งอยู่เดียวดายในศาลา
-ภาพ FW เมล เกี่ยวกับผีในวันรับปริญญา เป็นเรื่องจริง
-ภาพถ่ายผีชัตเตอร์ที่หลายคนได้รับทาง FW เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายรูปเล่นๆของนิสิตในภาควิชาบริหารธุรกิจ คณะสังคมศาสตร์
-วิญญาณอันลึกลับที่หอพระ องครักษ์ ตอนกลางคืนมืด เงียบ สงัด ลองไปนั่งเฝ้าดู แต่ต้องกระทำด้วยควาเงียบไม่เช่นนั้น อาจโดนผีหลอก
ผีที่หอสมุด องครักษ์ เพราะเจอมากับตัว แบบว่ากดลิฟต์จากชั้น 5 จะลงชั้น 1 ตอนประมาณ 6โมงกว่าๆแต่ลิฟต์ดันพาขึ้นไป ชั้น 6 ทั้งที่ชั้นนั้นเป็นชั้นเก็บเอกสารเก่า ไม่มีคนเข้าไปใช้

16มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
-ตึก 10 ว่ากันว่ามีคนงานตกลงมาตายตอนก่อสร้าง ตอนดึกๆ พอขึ้นลิฟไปชั้นบน ตอนเดินออกมาจากลิฟจะพบว่าตึกกำลังก่อสร้างอยู่
-ตึก 7 ชั้น 7 พอออกจากลิฟมาจะเจอพรมแดงปูตามทางเดิน ไม่แน่จริงอย่าเดินไปทางนั้น
-ตึก 1 2 3 ยามกลางคืนว่ากันว่ามีผู้หญิงแต่งชุดนักศึกษานั่งร้องไห้อยู่บนระเบียงทางเดิน
-สวนญี่ปุ่น มีปลาคาร์ฟยักษ์ หาดูได้ยากยิ่งเป็นปลาคาร์ฟสีขาวตัวใหญ่มากกก หยั่งกะปลาสวาย นานๆจะโผ่ลมาให้เห็นที แต่คุณจะไม่มีโอกาสเห็นมันเลยเวลาที่เขาล้างบ่อ มันหายไปไหน !!
-จากประสบการ์ณ์ตรง เคยอยุ่ทำกิจกรรมถึงเที่ยงคืน ขณะเดินออกมาจากม. ไม่พบสิ่งผิดปกติ - -"
-กรณีเล่นคอมพิวเตอร์ที่ห้องLabชั้น 2 ของหอประชุม เคยมีอยู่วันหนึ่งเกิดไฟดับวูบจนเกือบทุกเครื่องดับไป ยกเว้นเครื่องหนึ่งที่เล่นต่อไปได้ ทั้งๆที่ไำฟฟ้าไม่ไหลผ่านสายนั้นและไม่ได้มีการสำรองไฟ แม้ว่ามันไม่ใช่ผีก็ตาม (เชื่อม่ะ คอมพิวเตอร์ที่เล่นได้โดยไม่มีไฟฟ้าสำรอง และไฟดับทั้งอาคารด้วย)
-จากประสบการตรง ของผมเองช่วงรับน้อง เคยแอบไปปุ้นกับเพื่อนๆ บนชั้นบนสุดตึก5 มีเพื่อนผมคนนึงมันไม่ค่อยชอบพูดกับใครแต่หลังจากปุ้นเสร็จ5-6หลุมเพื่อนผมคนนั้นมันยิ้มไม่หยุด หัวเราะตลอด คุยเก่งเหมือนเป็นคนละคนกับตอนแรก เพื่อนผมอีกคนบอกว่าเพื่อนคนนั้นผีเข้า ผมกลัวมากเลยครับช่วงนั้น- -*

ใครเรียนอยู่จากมหาลัยใด โปรดพิจารณาดูว่ามันเท็จจริงประการใด?หรือมีเรื่องอะไรเพิ่มเติม?กรุณาเล่าให้ฟังด้วยนครับ

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มนุษย์ในตมBog Bodiesมัมมี่ ลินโดว์ Lindow

มนุษย์ในตม(Bog Bodies)
มัมมี่ ลินโดว์ (Lindow)
ประเทศอีกประเทศหนึ่งทีมีชื่อเสียงในการพบมนุษย์ในตม คือ ประเทศ เดนมาร์ค ซึ่งค้นพบศพต่อมาเรียกว่า มนุษย์โทลลันด์(Tollund) ศพที่พบ เหล่านี้สันนิษฐาน ว่าเป็นผู้ที่ถูกนำมาบูชายัญครับเพราะลักษณะการถูกฆาตกรรมที่ใช้วิธีใกล้เคียงกันส่วนมาก จะถูกรัดคอด้วยเชือกและหย่อนลงมาในบ่อถ่านหินพีท หรือไม่ก็ถูกมัดมือมัดเท้าแล้วเชือดคอครับ

และยังพบสิ่งของมีค่าอีกด้วย เดนมาร์คยังพบศพมนุษย์ในตมจากโกบัลเล(Grauballe)และแหล่งอื่นๆกว่าอีก 170 ศพด้วยค่ะ ในรูปคือศพมนุษย์แห่ง โกรบัลเลซึ่งจาก สภาพแสดงใหเห็นการถูกสังหารโดยการเชือดคอ

มัมมี่ต่อไปนี้ก็เป็นมัมมี่ซึ่งเกิดจากธรรมชาติเช่นเดียวกัน 
ซึ่งเกิดจากถ่านหินพีท(Peat) ซึ่งถ่านหินพีทนี้แหละ...
เป็นตัวช่วยเก็บรักษาสภาพร่างกาย และใบหน้าอย่างดีของ มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่เมื่อสองพันกว่าปีก่อน ซึ่งมนุษย์ที่เจอ ในบ่อถ่านหินพีทนั้นเราเรียกว่ามนุษย์ในตม(Bog Bodies) โดยในบ่อถ่านหินพีทเหล่านี้ได้มีการพบร่างของมนุษย์หลายครั้ง 

เช่น วันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1983 คนงานขุดถ่านหินพีท บริเวณลินโดว์มอส แถบวิมสโลว์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ ได้พบศพของมนุษย์เพศหญิง ซึ่งต่อมาเรียกว่า สตรีแห่งลินโดว์ (Lindow Woman) ศพดังกล่าวมีอายุ1,750 ปี

บ้านร้างหนองจอก

hnong jok 1

บ้านร้างหนองจอก
สถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมจริง อยู่ในหมู่บ้านร้างที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ สภาพบ้านก่อสร้างไปได้ประมาณ 70 % เพราะตกเย็นหลังเลิกงาน คนงานก่อสร้างชายมักตั้งวงกินเหล้ากันในบริเวณตัวบ้านหลังนี้ และด้วยฤทธิ์ของสุราจึงเกิดเหตุทะเลาะวิวาทขึ้น และฆ่ากันตายในที่สุด หลังจากที่มีคดีฆ่ากันตาย คนงานก็เริ่มไม่กล้าทำงานกันต่อ

hnong jok 3

เนื่องจากว่าตกดึกทีไรมักจะได้ยินเสียงคนทะเลาะวิวาทกันมาจากบ้านหลังนี้ประจำ และด้วยเสียงลือเสียงอ้างต่างๆ นานาทำให้โครงการหมู่บ้านจัดสรรนี้ได้ยุติลง กลายเป็นหมู่บ้านร้างไปโดยพนักงานก่อสร้างกินเหล้า และฆ่ากันตายในบ้านหลังนั้นอีกครั้งเป็นซ้ำสอง ทุกๆ คนจึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบ้านหลังนี้เฮี้ยนสุดๆ ใครเข้าใกล้อาจจะถูกผีเข้า
hnong jok 2

หมู่บ้านนี้จึงถูกปล่อยทิ้งร้างจวบจนทุกวันนี้ หลังจากนั้นมาอีกไม่กี่ปี ก็มีคนพบศพหญิงสาวมาผูกคอตายที่บ้านหลังนี้ โดยไม่มีใครทราบประวัติของผู้หญิงคนนี้มาก่อนว่าทำไมเธอถึงได้เลือกบ้านหลังนี้เป็นที่จบชีวิต แต่ด้วยความเฮี้ยนที่คนบอกกันปากต่อปาก ใครที่กล้าแวะเข้าไปแถวนั้นก็จะได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน ได้เห็นภาพคนทะเลาะกัน แทงกันตายต่อหน้าต่อตา เหมือนเป็นการฆ่าซ้ำๆ โชว์ให้คนดูต่อมาทุกยุคทุกสมัย
hnong jok 4

ทำให้บริเวณนั้นยากที่จะมีใครกล้าย่างกรายเข้าไป นอกจากมิจฉาชีพ ที่อาศัยความกลัวของผู้คนใช้บ้านหลังนั้นเป็นที่ทิ้งศพซึ่งถูกฆาตกรรมมาจากที่อื่นๆ โดยทางตำรวจได้พบศพชายหนุ่มถูกของแข็งทุบบริเวณศีรษะจนกระทั่งเสียชีวิต และนำศพมายัดไว้ใต้บันไดที่บ้านร้างแห่งนี้ ปัจจุบัน บ้านร้างหลังนี้จึงกลายเป็นสถานที่รำลือกันในอินเตอร์เน็ต เรียกขานกันในชื่อ บ้านผีตายโหง หนองจอก



    hnong jok 5

ภาพนักรบสมัยกรุงศรีอยุธยา โผล่ช่วงจัดงานมรดกโลก

ภาพนักรบสมัยกรุงศรีอยุธยา โผล่ช่วงจัดงานมรดกโลก
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านใน อ.บางปะหัน จ.พระนคศรีอยุธยา ว่าที่บ้านเลขที่ 1/8 ม.8 ต.พุทเลา อ.บางปะหัน

มีภาพคล้ายนักรบโบราณปรากฏอยู่ที่ฝาบ้าน จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านใต้ถุนสูง ด้านล่างกั้นเป็นห้องเอาไว้จำนวน3 ห้อง ภายในบ้านมีชาวบ้านจำนวนมากจับกุมนั่งพูดคุยกันอยู่ ตรวจสอบภายในห้องกลาง มีโต๊ะตั้งอยู่มีกระถางธูปดอกไม้ ขวดน้ำอัดลม ที่ฝาผนังมีรอยคราบน้ำปรากฏอยู่อย่างชัดเจน คล้ายนักรบโบราณรูปร่างกำยำมีหนวดเครา สวมหมวก ยืนถือดาบครึ่งตัว
นางจำนง ไสยศรี อายุ39 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่12 ธ.ค.ช่วงบ่าย ตนเองนอนเล่นอยู่ภายในห้องสังเกตเห็นภาพของนักรบค่อยๆปรากฎขึ้นมาเป็นรูปร่าง

ตนตกใจมากรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านและเรียกญาติมาดู ต่างพากันเชื่อว่าเป็นภาพของนักรบยืนถือดาบหันข้างอยู่ จึงนำดอกไม้ธูปเทียนมาสักการะ ได้ต่อเติมห้องเพิ่มที่ด้านล่างของบ้าน ได้ประมาณ1 ปี ไม่ได้มีการทาสีแต่อย่างใดและไม่เคยมีคราบน้ำหรือภาพอะไรปรากฏมาก่อน เมื่อกลางปีที่ผ่านมาตนเองได้ซื้อล็อตเตอร์รี่และพูดเอาไว้ว่าถ้าถูกหวยจะทำศาลพระภู มิใหม่เพราะของเดิมชำรุดมากแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ถูกหวยมาตลอดติดต่อกัน ทุกงวดจำนวนกว่า 15 งวดแล้ว จึงได้นำคนทรงเจ้ามาเข้าทรงบอกว่าที่ดินบริเวณนี้เป็นที่แรง ถ้าอยู่แล้วทำดีจะให้โชคให้ลาภเขาไม่ที่อยู่จะขอที่อยู่ ตนเองฟังแล้วขนลุกจนทุกวันนี้ไม่กล้าเข้าไปนอนห้องดังกล่าว เจ้าที่อาจจะมาปรากฎภาพเพื่อเตือนสติตนเองเรื่องสร้างศาลพระภูมิ หลังทราบข่าวมีเพื่อนบ้านเข้ามากราบไหว้และขอโชคลาภ ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ ตลอดทั้งวัน

ด้านนางเล็กไสยศรี อายุ74 ปี แม่ของนางจำนง เล่าว่า อยู่ที่บ้านนี้มากว่า 30 ปี ยังไม่เคยมีเรื่องราวลักษณะนี้เกิดขึ้น
เมื่อก่อนเคยเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย มีโจรมันเข้ามาจะขโมยวัวอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งตนจะได้ยินเสียงมีคนมาเขย่าประตูรั้วดังสนั่น พอออกมาดูเห็นโจรกำลังจะขโมยวัว และโจรจะเตลิดหนีทิ้งวัวควายไปทุกครั้ง ปู่ยาตายายเล่าให้ฟังว่าทุ่งบริเวณนี้เรียกกันว่าทุ่งผี เพราะเป็นที่ทิ้งศพนักรบทั้งไทยและข้าศึกที่เสียชีวิตในศึกสงครามสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นเส้นทางทำการรบของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย ที่ทุ่งมะขามหย่องและทุ่งภูเขาทองที่สมเด็จพระนเรศวรรบกับข้าศึก 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลานี้ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำลังจัดงานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลกและมีการแสดงจินตภาพประกอบแสงสีเสียง เรื่อง กรุงศรีอยุธยา กษัตรามหาราชัน ชาวบ้านจึงร่ำลือกันว่า วิญญาญนักรบที่เสียชีวิตในศึกสงครามในบริเวณดังกล่าวมาปรากฎตัวให้เห็น
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

หมาดองเค็มตากแห้งอาหารเลิศรส


.หมาดองเค็มตากแห้งอาหารชั้นเลิศหมาตากแห้งดองเค็มเลิศเป็นอาหารที่ชาวจีนและเวียดนามนิยมกินการทำหมาตากแห้งนั้นก็มีกรรมวิธีหลากหลายขั้นตอนตั้งแต่การเลือกหมาที่เอามาดองเค็มตากแห้งหมาตัวนั้นต้องเป็นหมาอ้วนสมบูรณ์
การดองเค็มหมานี้อาจใช้เวลานานหลายเดือนกว่าที่ได้
เนื้อหมาที่เค็มปะแล่มๆจากนั้นอาจจะดองเกลือไปอีกสักพักเมื่อน้ำเกลือซึมเข้า
เนื้อหมาหมดแล้ว

ก็มาถึงกรรมวิธีเอาหมาดองเค็มมาตากแห้ง
(หมาที่เอามาดองเค็มนิยมดองเค็มตากแห้งหมาเป็นตัวๆ)
ตามรูปภาพคือหมาดองเค็มที่ผ่านกรรมวิธีจนเสร็จสิ้นแล้ว


หมาดองเค็มตากแห้งนิยมเอามาทำอาหารได้หลากหลายชนิด
เช่นต้มพะโล้ หรือหมาดองเค็มพัดซอสหอยกระเทียมพริกไทย เนื้อหมาดองเค็มต้มกับผักกาดดอง หงเจียน ก็อร่อยเลิศรส
ต้มจับฉ่ายหมาดองเค็ม หรือจะเป็นข้ามต้มหมาดองเค็มร้อนๆ
หมาดองเค็มตากแห้งเลิศรสเมือเสร็จถึงเวลาเอามาขายจะนิยมแขวน
โชว์เป็นตัวๆส่วนลูกค้าท่านใดสนใจซื้ออาจจะหั่นเป็นชิ้นหรือซื้อหมาดองเค็ม
เป็นตัวๆเอาไปเป็นของฝากได้นะครับ
แต่ต้องสังเกตุตราประทับประกันคุณภาพเนื้อหมาดองเค็มของแต่ละร้านด้วยนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สังคมหมอผี

สังคมหมอผี การสื่อสารกับวิญญาณ ในไสยศาสตร์ จะมีการอัญเชิญวิญญาณให้มาเข้าทรงโดยผ่านตัวบุคคล หรือที่เรียกว่า "ร่างทรง"แต่ในลัทธิหมอผีนั้น หมอผีจะเป็นผู้ควบคุมวิญญาณโดยเดินทางเข้าไปในโลกวิญญาณซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนักการเดินทางนี้เป็นประสบการณ์เข้าสู่ห้วงลึกของจิต วิธีที่ใช้ทำให้หมอผีเข้าสู่สถานะเข้าฌาน ซึ่งแยกจากสถานะของมนุษย์ทั่วไป และในสถานะนี้เองที่ทำให้เขาเดินทางค้นหาพลังและความรู้

หมอผีอาจจะเป็นหญิงมีอายุ แต่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นผู้ชาย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถเฉพาะตัวพิเศษที่สามารถฝึกฝนให้แช็งกล้าขึ้นมาได้ บทบาทสำคัญของหมอผีในชุมชน คือรวบรวมพลังจิตของชุมชนให้มีผลดีต่อสุขภาพและความอุดมสมบูรณ์ การที่หมอผีสามารถควบคุมพลังวิญญาณได้นั้น ก็จะมีผลต่อการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วย การสงคราม และการล่าสัตว์
บทบาทของหมอผีเริ่มมีขึ้นตั้งแต่ "ยุคหินเก่า"(Paleolithic) ซึ่งพวกเขามีอิทธิพลมากในสังคมล่าสัตว์สมัยนั้น หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พบได้แก่ ในผนังถ้ำเลส์ ทรัวส์ แฟรส์ (Les Trois Freres) ในฝรั่งเศส มีภาพเขียนสีที่มีอายุกว่า 15,000 ปี อยู่บนผนังถ้ำ ภาพที่วาดแสดงถึงพิธีกรรมของหมอผี ที่ประกอบขึ้นในการล่าสัตว์ อีกทั้งยังพบภาพเขียนสีที่ "ผาหินแต้ม" ในประเทศไทยอีกด้วย

ในสังคมล่าสัตว์ มนุษย์ต้องพึ่งพาสัตว์เพื่อความอยู่รอด มนุษย์จึงต้องการผู้ที่สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์กับสัตว์ได้ หมอผีมีหน้าที่หลอกล่อและบังคับให้สัตว์ยอมสละชีวิตให้แก่นักล่า
หมอผีมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ความล้มเหลวในการล่าสัตว์ หรือแม้แต่การทะเลาะวิวาท บทบาทของหมอผี ครอบคลุมในหลายๆด้าน ความเจ็บป่วย มักจะมีความเชื่อว่า ความเจ็บป่วยเกิดจากการหายตัวของดวงวิญญาณผู้ป่วย มีสาเหตุจากการถูกรบกวนจากวิญญาณดวงอื่น หรือจากพ่อมด อาจมีผู้ไม่หวังดีเสกวัตถุต่างๆเข้าไปในตัวผู้ป่วย ทำให้เกิดอันตราย และหมอผีเท่านั้น จะเป็นผู้ประกอบพิธีนำวัตถุนั้นๆออกมา หรือช่วยค้นหาดวงวิญญาณที่หายไป หมอผีสามารถท่องโลกวิญญาณ สื่อสารกับสัตว์ ทำนายดินฟ้าอากาศ หยั่งรู้อนาคต และค้นหาสิ่งของที่หายไป
หมอผีเป็นผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ที่สุดในโลกเร้นลับ สามารถใช้เวทมนต์คาถา บุกน้ำ ลุยไฟ ท่องไปในอากาศ หายตัว เปลี่ยนแปลงกฎธรรมชาติและทำนายอนาคตได้ ใช่ว่าทุกคนจะเป็นหมอผีได้ ความสามารถนี้จะต้องมีมาแต่กำเนิด และฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้น เมื่อหมอผีเข้าสู่วัยรุ่น ก็จะแยกตัวไปอยู่สันโดษ เข้าฌาน และเดินท่องไปในโลกวิญญาณ
ดวงวิญญาณทีเป็นมนุษย์ธรรมดาจะถูกทำลายด้วยวิธีต่างๆ เช่น ตัดศรีษะ แยกร่าง เผา หรือถูกย่อส่วนให้เหลือเพียงโครงกระดูก หลังจากนั้น พวกเขาจะถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่โดยเหล่าวิญญาณ ทำให้มีร่างใหม่และจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น

หมอผีจะเรียนรู้การติดต่อกับโลกวิญญาณโดยการเข้าฌานเป็นหลัก น่าแปลกที่ว่าแม้สังคมและวัฒนธรรมจะต่างกันแต่พิธีการติดต่อกับโลกวิญญาณก็จะเป็นไปในลักษณะเดียวกัน
แพทย์และปรัชญาเมธีชาวสวิส ชื่อ พาราเซลซุส (Paracelcus) กล่าวเมื่อพุทธศตวรรษที่ 21 ว่า มนุษย์ยังไม่ ค้นพบความสามารถของจิตใจตนเอง ทุกคนสามารถเรียนรู้และบังคับจินตนาการเพื่อติดต่อกับโลกวิญญาณและเรียนรู้บางอย่างจากมันได้
การรักษาโรคของหมอผี ไม่สามารถหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ หมอผีถือว่าความเจ็บป่วยเป็นการเสียพลังของคน ในขณะที่ทางการแพทย์กล่าวว่า ความเจ็บป่วยคือการที่กระบวนการต้านทานอ่อนแอลง การรักษาหมอผี จะเป็นการแสดงออกที่รุนแรงเพื่อเรียกพลังกลับคืนมาสู่ผู้ป่วยหรือสร้างเกราะป้องกันจิตใจให้กับเขา ในพิธีการรักษาบางครั้งจะมีการดึงหรือถอนวัตถุบางอย่างออกมาจากร่างกายเพื่อให้ผู้ป่วยเชื่อว่าตนได้ถูกเยียวยาแล้ว

ที่มา อาณาจักรเร้นลับ : บัวแก้ว ไชยหลวงผา : บก. เรียบเรียง

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตำนานผีปอบ "ผีปอบ"

ตำนานผีปอบ "ผีปอบ"
(Myth Ogre "Ogre".)
มีต้นกำเนิดมาจากผู้ที่มีวิชา ไสยศาสตร์ มนต์ดำจนแก่กล้า สามารถใช้อำนาจอันเข้ม ขลังจากเวทมนตร์คาถาไปกระทำร้ายหรือทำลาย ชีวิตผู้อื่นได้ เช่น ทำ เสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝัง รอยเสกหนังควาย เสกตะปูเข้าท้อง หรือใช้มนตราบังคับวิญญาณ ภูตผีไปเข้าสิง วิชาไสย ศาสตร์เหล่านี้มีข้อห้าม ข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ผู้ที่มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์ซึ่งพระ พุทธเจ้า ทรงระบุว่า เป็นเดียรฉาน วิชา จะต้องระวังไม่ให้ละเมิด ข้อห้าม ข้อปฏิบัติโดยเด็ดขาด หากกระ ทำผิด ข้อห้าม ซึ่งชาวอีสานเรียกว่า "คะลำ" ก็จะเกิดโทษหนักในข้อ "ผิดครู" วิญญาณบรมครู จะลงโทษ ให้กลายเป็น ปอบ หรืออีกประการหนึ่งของผู้ที่ กลายเป็นปอบก็คือ เล่น คาถาอาคม อย่างคลั่งไคล้ และใช้ความขลังแห่งวิชา มนต์ดำไปทำลาย ทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัว บาปกลัว กรรมกระทำชั่วเป็นอาจิณกรรม กระทั่งถูกอาถรรพณ์ของไสยเวทย์ย้อนกลับมาเข้าตัวเองกลาย เป็น ปอบไปในที่สุด

"ผีปอบ" ยังแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น
1."ปอบ ธรรมดา" หมายถึงคนที่มีปอบสิงอยู่ใน ร่าง (คือตนเองเป็นปอบ ) เมื่อคนประเภทนี้ตายไป ปอบที่สิงสู่อยู'ก็จะ ตายตามไปด้วย

2."ปอบเชื้อ" หมายถึงครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบเมื่อพ่อไปลูก หลานก็จะสืบทอดให้ เป็นปอบต่อไป อีกประการหนึ่งเป็นกรรมพันธุ์ไม่ว่า จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรียกว่า เป็นปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ

3."ปอบแลกหน้า" หมายถึง ปอบเจ้าเล่ห์ถนัดเอาความ ผิดไปโยนให้ผู้อื่น กล่าวคือเวลาไปเข้าสิงใคร เมื่อถูกสอบ ถามว่ามีผู้ใดเลี้ยงหรือบังคับ ปอบ จะไม่บอกความจริงหากไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคนนี้โดยที่ผู้ถูกระบุชื่อ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เลย

4."ปอบกักกึก" (กึก ภาษาอีสานแปลว่า "ใบ้") หมายถึงปอบที่ไม่ยอมพูดอะไรเวลามีคน ถาม จนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมอผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของ ใครมีใครใช้ให้มา เข้าสิง ผู้ที่ถูกผีปอบเข้าสิงหรือที่ชาวอีสานเรียกว่า "ปอบเข้า" จะมีอาการแตกต่างกันไป บางคนแสดงกิริยาอาการ ดุร้ายบางคนจะนอนซมซึมคล้ายกับป่วยไข้อย่างหนัก บางคนจะ ร่ำไห้รำพันไปต่างๆ นานา แต่ไม่ว่าจะมีทีท่า อาการอย่างไร

ผู้ที่ถูกปอบเข้าสิงจะเรียกร้องให้ นำอาหารสุกๆ ดิบๆ พวกหมูตับไก่ต้มมากิน เหมือนๆ กับเวลา กินก็แสดงความตะกละมูม มามและกินได้จุผิดปกติเมื่อญาติพี่น้องรู้ว่าคนป่วยถูกปอบเข้าสิง เขาก็จะไปตามหมอ ผีให้มาไล่ปอบ การไล่ปอบให้ออกจากร่างมีหลายวิธีตามแนวทางที่หมอผีได้ร่ำเรียนมา บางคนจะเอาพริกแห้ง มาเผา ให้ควันรม คนป่วยจนสำลักควันน้ำตาไหลพาก ครั้นปอบ ออกจากร่าง แล้วหมอผีจะข่มขู่สอบถามว่าผีปอบเป็นใครมาจากไหน เมื่อปอบรับสารภาพ หมอผีก็ จะปล่อยไป คนป่วยได้สติหายเป็นปกตินัยน์ตาที่แดงก่ำเนื่องจากถูกควันพริกเผา รมจะหายไปทันที แต่เจ้าของ ปอบกลับมีอาการนัยน์ตาแดงก่ำด้วยสายเลือดจนต้องหลบ หน้าอยู่แต่ในห้องไม่กลัวให้ใครพบหน้า อีกวิธีหนึ่งที่ หมอผีทั่วไปนิยมใช้ไล่ผี คือใช้หวาย เฆี่ยนไล่ปอบซึ่งก็เท่ากับเฆี่ยนคนป่วยนั่นแหละหากปอบกล้าแข็งหมอผีจะ เฆี่ยนหนักๆ กระทั่งเนื้อตัวคนที่ถูกปอบเข้าสิงเขียวช้ำด้วยรอยหวาย เมื่อปอบยอมแพ้ออกจากร่างไป ร้อยหวายก็ จะจางหายไปทันที แต่วิธีไล่ผีปอบแบบนี้เคยเป็นเรื่องเป็นข่าวมาแล้ว
เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้ถูกปอบเข้าสิง หากป่วยเป็นโรคประสาท ญาติคิดว่าปอบ เข้าจึงไปตามหมอผีมาไล่ หมอผีจัดการเฆี่ยนคนป่วยด้วยหวายได้รับบาดเจ็บบอบช้ำจน หลายครั้งหลายหน โดยคิดว่าปอบฮึดสู้ไม่ยอม แพ้ในที่สุดคนป่วยก็เสียชีวิตร้อนถึงตำรวจ ต้องมาจัดการกับหมอผีและญาติตามกฎหมายและหมอผีคงคิดคุก ติดตะรางไปตามระเบียบ
อีกวิธีหนึ่งหมอผีจะนำสัตว์น่าเกลียดน่ากลัวบางชนิดมาข่มขู่ให้ปอบกลัวเช่น คางคก ตุ๊กแก งู ในกรณีนี้ คนที่ ถูกปอบเข้าสิงมักจะเป็นผู้หญิงหรือตัวปอบเป็นหญิง แม้จะเป็นผีปอบ (เธอ) ก็ยังขยาดแขยงสัตว์ประเภทนี้ และ มักจะยอมออกจากร่างที่ เข้าสิงง่าย ๆ

ผีปอบที่แก่กล้าเวลาเข้าสิงใครจะออกยาก กล่าวกันว่าใครที่ผีปอบประเภทนี้ เข้าสิงมักจะถูกปอบสิงจนตาย เมื่อหมอผีดำเนินการไล่ผีปอบจากร่างที่ถูกปอบสิงมี ข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ จะปรากฏเป็นก้อนกลมอยู่ใต้ ผิวหนังปูดนูนขึ้นมา เวลา หมอผีจี้อ้อนกลมๆนี้ด้วยไพลเสก มันจะเลื่อนหนีได้ และเมื่อก้อนกลมๆนี้หายไปหมอ ผีที่มีวิชาอาคมยังไม่เก่งนักมักคิดว่าปอบออกไปแล้ว แต่ที่แท้จริงๆ ปอบมันจะเลื่อน หนีไปซ่อนตามซอกขาหนีบ หรืออวัยวะเพศ ทำให้หาไม่พบ
สำหรับหมอผีรุ่นครูจะจู่โจมเข้ามัดข้อมือ ข้อเท้าและรอบคอ ด้วยด้าย สายสิญจน์เพื่อไม่ให้ปอบหนีออกจาก ร่าง จากนั้นก็จะใช้ไพลเสกจี้ลงไปที่ก้อนกลมๆ ใต้ผิวหนัง เรียกว่าก้อนกลมนี้หนีไปที่ใดก็จะตามจี้ไม่ยอมปล่อย เวลาที่ถูกไพลเสกจี้ ทางอีสานเรียกว่า "แทง" ปอยจะเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส (คนที่ถูกปอบสิงจะร้องโอด ครวญดังลั่น) หมอผีจะขู่บังคับให้บอกว่าเป็นใคร ซึ่งปอบมักจะยอมสารภาพโดยดี หลังจากทรมานปอบให้หวาด กลัวเข็ดหลาบแล้ว หมอผีจึงจะแก้มัดด้วยด้ายสายสิญจน์ ปล่อยให้ปอบออกไป หมอผีบางรายมีวิธีไล่ปอบชนิดดุเดือด ให้คนเป็นปอบอับอายขายหน้าเป็นที่เปิดเผยแก่ สาธารณชนทั่วไป โดยหมอผีจะไปหาหม้อดินของแม่ม่ายที่มีเขม่าควันไฟจับหนามา แล้วเอาหม้อดินครอบศีรษะคนถูกปอบสิง ใช้มีดโกนขูดเขม่าควันไฟ คล้ายกับโกนผมให้ หมดไปครึ่งศีรษะ จากนั้นปล่อยให้ปอบออกจากร่าง วิธีการ ไล่ปอบแบบนี้จะทำให้ผู้เป็น ปอบหรือเลี้ยงปอบไว้ต้องหลบซ่อนอยู่แต่ในห้อง หรือเวลาออกนอกห้องไปไหน มาไหน ต้องใช้ผ้าคลุมศีรษะตลอดเวลา เนื่องจากเส้นผมแหว่งหายไปครึ่งศีรษะ.....
https://www.youtube.com/watch?v=qTWnLQkjkTM
ปอบผีฟ้า  ผีฟ้า คือคำเรียก เทวดา
ของชาวไทยในภาคเหนือ และภาคอีสาน เป็นการบูชาแบบพื้นบ้านที่มีการนับถือผีกันคนที่เป็นร่างทรงของผีฟ้าจะสืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นในลูกๆ ที่เป็นผู้หญิง เมื่อมีคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ชาวบ้านมักนำมาให้ผีฟ้าเสี่ยงทาย และช่วยรักษา ผีฟ้าจึงเป็นประเพณีอีกอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์ และการทรงเจ้าเข้าผีของสังคมดั้งเดิมของคนไทยความเกี่ยวข้องระหว่างผีปอบกับผีฟ้าแถนใครที่เป็นร่างทรงของผีฟ้าแถน  ห้ามแต่งงาน  ถ้าละเมิดกฎ คนที่เป็นร่างทรงของผีฟ้าผีแถนจะกลายเป็นผีปอบ...

ป.ล.เพื่อนๆคนไหนที่เป็นคนอีสาน ช่วยมาเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับผีปอบกับผีฟ้าได้เลย
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดยmanman

รายการบล็อกของฉัน